ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ว่าฯ ภูเก็ต เดินหน้าปลุกโครงการศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต หลังหารือร่วม กรอ.จังหวัด กรอ.อันดามัน มีมติร่วม เสนอปรับรูปแบบจากศูนย์ประชุมฯ มาเป็นศูนย์แสดงสินค้าเป็นหลัก
วันนี้ (12 ม.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวขณะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนตามโครงการ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตพบสื่อมวลชน ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน ถึงการผลักดันโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต หลังหยุดไประยะหนึ่ง ว่า โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติฯ เป็นโครงการที่ทางจังหวัดภูเก็ตได้ผลักดันมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ขณะนี้โครงการดังกล่าวทางกรมธนารักษ์ได้ยุติไป หลังคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อปี 2555 ให้ยกเลิกการจัดสรรวงเงินกู้ของโครงการดังกล่าว
เกี่ยวกับเรื่องนี้ทางจังหวัดไม่ได้นิ่งนอนใจ ล่าสุด ทางจังหวัดได้ประชุมร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และองค์กรภาคเอกชน รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากคณะกรรมการร่วมภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัดภูเก็ต (กรอ.จังหวัดภูเก็ต) และ กรอ.กลุ่มจังหวัดฝั่งอันดามัน ซึ่งมีความเห็นร่วมกันเป็นมติว่าเห็นชอบให้จังหวัดนำเรื่องนี้เสนอไปยังรัฐบาล เพื่อทบทวนโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมฯต่อไป โดยให้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบเพื่อให้มีการใช้ประโยชน์จากศูนย์ประชุมเป็นศูนย์จัดแสดงสินค้าเป็นหลัก และให้มีการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะ (รถไฟรางเบา) ที่รัฐบาลจะสนับสนุนให้จังหวัดภูเก็ต รวมทั้งให้เพิ่มพื้นที่จอดรถให้มากขึ้น
สำหรับรูปแบบการดำเนินโครงการ เนื่องจากจะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 จึงเห็นควรให้กรมธนารักษ์ดำเนินต่อไป โดยจังหวัดภูเก็ต จะร่วมสนับสนุน และผลักดันโดยใช้งบประมาณในการดำเนินการประมาณ 3 พันล้านบาท ซึ่งจากการหารือร่วมกับทางกรมธนารักษ์ เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.58 ที่ผ่านมา ทางกรมธนารักษ์ เห็นด้วยในหลักการที่จะดำเนินการต่อ โดยเสนอแนะให้หาภาคเอกชนเข้ามาเป็นผู้ลงทุนการก่อสร้าง ซึ่งจะสามารถดำเนินการได้รวดเร็วว่าการรอให้งบประมาณของรัฐ อย่างไรก็ตาม สำหรับการเดินหน้าโครงการศูนย์ประชุมฯ นั้นรอเพียงรัฐบาลตัดสินใจว่าจะดำเนินการโครงการนี้ต่อหรือไม่ แต่ในส่วนของจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งจังหวัดในกลุ่มอันดามันพร้อมที่จะสนับสนุนอย่างแน่นอน
สำหรับความเป็นมาของโครงการศูนย์ประชุมฯ ทางกระทรวงการคลัง ได้มอบนโยบายให้กรมธนารักษ์ดำเนินโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต โดยจังหวัดภูเก็ตได้คัดเลือกที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ภก.153 (บางส่วน) ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เนื้อที่ 141-2-64 ไร่ ราคาที่ดินรวม 224,452,700 บาท เนื่องจากเป็นที่ดินที่มีความเหมาะสม ตั้งอยู่บริเวณทางตอนเหนือของเกาะภูเก็ต สามารถเชื่อมโยงการใช้ประโยชน์ในกลุ่มจังหวัดอันดามัน คือ พังงา กระบี่ และในปี พ.ศ.2552 คณะรัฐมนตรีอนุมัติการจัดสรรวงเงินกู้สำหรับโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ให้กรมธนารักษ์ เป็นเงิน 2,600 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมฯ
และได้จัดสรรเงิน จำนวน 165.35 ล้านบาท ให้กรมธนารักษ์ ดำเนินการจ้างที่ปรึกษาเพื่อบริหารโครงการและศึกษาทางด้านการตลาดและธุรกิจจ้างออกแบบและควบคุมงานก่อสร้าง รวมทั้งประกวดราคาหาผู้รับเหมาก่อสร้างโดยกำหนดกรอบให้ลงนามในสัญญาก่อสร้างให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2555 และก่อสร้างโครงการศูนย์ประชุมฯ ให้แล้วเสร็จภายในปี 2557 ซึ่งกรมธนารักษ์ ได้ดำเนินการจัดทำสัญญาจ้างที่ปรึกษา จำนวน 4 สัญญา คือ จ้างศึกษาเพื่อจัดทำรายการการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIV)จ้างที่ปรึกษาเพื่อบริหารโครงการจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาทางด้านการตลาดและธุรกิจฯ และจ้างออกแบบและควบคุมงาน
ตามกรอบระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีให้ดำเนินการโครงการนี้ ผลการดำเนินการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาจัดทำรายการการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIV) ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ส่วนการดำเนินการว่าจ้างออกแบบได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยมีงบประมาณก่อสร้างประมาณ 2,338 ล้านบาท (ประมาณการปี พ.ศ.2555)
แต่ในปี พ.ศ.2555 คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ยกเลิกการจัดสรรวงเงินกู้ในส่วนที่เหลือ วงเงิน 2,428 ล้านบาท ของโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมฯ และนำวงเงินกู้ดังกล่าวรวมเป็นวงเงินเหลือจ่ายในสาขาเศรษฐกิจต่อไป กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ จึงได้ยุติโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมฯ
วันนี้ (12 ม.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวขณะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนตามโครงการ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตพบสื่อมวลชน ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน ถึงการผลักดันโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต หลังหยุดไประยะหนึ่ง ว่า โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติฯ เป็นโครงการที่ทางจังหวัดภูเก็ตได้ผลักดันมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ขณะนี้โครงการดังกล่าวทางกรมธนารักษ์ได้ยุติไป หลังคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อปี 2555 ให้ยกเลิกการจัดสรรวงเงินกู้ของโครงการดังกล่าว
เกี่ยวกับเรื่องนี้ทางจังหวัดไม่ได้นิ่งนอนใจ ล่าสุด ทางจังหวัดได้ประชุมร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และองค์กรภาคเอกชน รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากคณะกรรมการร่วมภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัดภูเก็ต (กรอ.จังหวัดภูเก็ต) และ กรอ.กลุ่มจังหวัดฝั่งอันดามัน ซึ่งมีความเห็นร่วมกันเป็นมติว่าเห็นชอบให้จังหวัดนำเรื่องนี้เสนอไปยังรัฐบาล เพื่อทบทวนโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมฯต่อไป โดยให้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบเพื่อให้มีการใช้ประโยชน์จากศูนย์ประชุมเป็นศูนย์จัดแสดงสินค้าเป็นหลัก และให้มีการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะ (รถไฟรางเบา) ที่รัฐบาลจะสนับสนุนให้จังหวัดภูเก็ต รวมทั้งให้เพิ่มพื้นที่จอดรถให้มากขึ้น
สำหรับรูปแบบการดำเนินโครงการ เนื่องจากจะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 จึงเห็นควรให้กรมธนารักษ์ดำเนินต่อไป โดยจังหวัดภูเก็ต จะร่วมสนับสนุน และผลักดันโดยใช้งบประมาณในการดำเนินการประมาณ 3 พันล้านบาท ซึ่งจากการหารือร่วมกับทางกรมธนารักษ์ เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.58 ที่ผ่านมา ทางกรมธนารักษ์ เห็นด้วยในหลักการที่จะดำเนินการต่อ โดยเสนอแนะให้หาภาคเอกชนเข้ามาเป็นผู้ลงทุนการก่อสร้าง ซึ่งจะสามารถดำเนินการได้รวดเร็วว่าการรอให้งบประมาณของรัฐ อย่างไรก็ตาม สำหรับการเดินหน้าโครงการศูนย์ประชุมฯ นั้นรอเพียงรัฐบาลตัดสินใจว่าจะดำเนินการโครงการนี้ต่อหรือไม่ แต่ในส่วนของจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งจังหวัดในกลุ่มอันดามันพร้อมที่จะสนับสนุนอย่างแน่นอน
สำหรับความเป็นมาของโครงการศูนย์ประชุมฯ ทางกระทรวงการคลัง ได้มอบนโยบายให้กรมธนารักษ์ดำเนินโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต โดยจังหวัดภูเก็ตได้คัดเลือกที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ภก.153 (บางส่วน) ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เนื้อที่ 141-2-64 ไร่ ราคาที่ดินรวม 224,452,700 บาท เนื่องจากเป็นที่ดินที่มีความเหมาะสม ตั้งอยู่บริเวณทางตอนเหนือของเกาะภูเก็ต สามารถเชื่อมโยงการใช้ประโยชน์ในกลุ่มจังหวัดอันดามัน คือ พังงา กระบี่ และในปี พ.ศ.2552 คณะรัฐมนตรีอนุมัติการจัดสรรวงเงินกู้สำหรับโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ให้กรมธนารักษ์ เป็นเงิน 2,600 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมฯ
และได้จัดสรรเงิน จำนวน 165.35 ล้านบาท ให้กรมธนารักษ์ ดำเนินการจ้างที่ปรึกษาเพื่อบริหารโครงการและศึกษาทางด้านการตลาดและธุรกิจจ้างออกแบบและควบคุมงานก่อสร้าง รวมทั้งประกวดราคาหาผู้รับเหมาก่อสร้างโดยกำหนดกรอบให้ลงนามในสัญญาก่อสร้างให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2555 และก่อสร้างโครงการศูนย์ประชุมฯ ให้แล้วเสร็จภายในปี 2557 ซึ่งกรมธนารักษ์ ได้ดำเนินการจัดทำสัญญาจ้างที่ปรึกษา จำนวน 4 สัญญา คือ จ้างศึกษาเพื่อจัดทำรายการการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIV)จ้างที่ปรึกษาเพื่อบริหารโครงการจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาทางด้านการตลาดและธุรกิจฯ และจ้างออกแบบและควบคุมงาน
ตามกรอบระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีให้ดำเนินการโครงการนี้ ผลการดำเนินการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาจัดทำรายการการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIV) ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ส่วนการดำเนินการว่าจ้างออกแบบได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยมีงบประมาณก่อสร้างประมาณ 2,338 ล้านบาท (ประมาณการปี พ.ศ.2555)
แต่ในปี พ.ศ.2555 คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ยกเลิกการจัดสรรวงเงินกู้ในส่วนที่เหลือ วงเงิน 2,428 ล้านบาท ของโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมฯ และนำวงเงินกู้ดังกล่าวรวมเป็นวงเงินเหลือจ่ายในสาขาเศรษฐกิจต่อไป กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ จึงได้ยุติโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมฯ
