xs
xsm
sm
md
lg

DSI เข้าตรวจยึด “แม่ข่ายแชร์ลูกโซ่” รายใหญ่ในสตูล พบหลักฐานในระบบคอมพ์อื้อ!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
สตูล - กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย พร้อมตรวจยึดแม่ข่ายแชร์ลูกโซ่รายใหญ่ใน จ.สตูล ก่อนเผยพบหลักฐานการทำแชร์ลูกโซ่ในระบบคอมพ์อื้อ!! ล่าสุด พบเสียหายกว่า 1 พันล้านบาท

วันนี้ (8 ม.ค.) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 ได้มอบหมายให้ นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผอ.ส่วนคดีอาญาพิเศษ 2 และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ 125/ 2558 เข้าตรวจค้นเป้าหมายฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน และได้ที่ร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดสตูล นำกำลังพร้อมหมายค้นของศาลจังหวัดสตูล เข้าทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 62/30 ถนนราษฎร์อุทิศ อ.เมือง จ.สตูล ซึ่งเป็นบ้านของ นางจรวยพร เอี้ยวสกุล สมาชิกระดับแกนนำของกลุ่มขบวนการแชร์ลูกโซ่หลอกลวงให้ประชาชนทั่วไปลงทุนในทองคำกับบริษัทพีเอ็มบีพีกาซัส (ไทยแลนด์) จำกัด และ Pegasus Bullion Limited

 
นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผอ.ส่วนคดีอาญาพิเศษ 2 กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากการสอบสวน และตรวจค้นบ้านของแกนนำในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อกลางเดือนตุลาคม 2558 ที่ผ่านมาและอายัดทรัพย์กว่า 20 ล้านบาท โดยการขยายผลในการค้นบ้านของแกนนำใน ต.ขี้เหล็ก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา มีการอายัดทรัพย์สินมูลค่าไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท ทำให้มีการขยายผลไปพบแกนนำคนสำคัญในพื้นที่ จ.สตูล ซึ่งอยู่ในกลุ่มขบวนการหลอกลวงประชาชนว่า มีบริษัทค้าทองคำจากประเทศจีนเปิดให้ประชาชนในประเทศไทยลงทุนกับบริษัท โดยให้ผลตอบแทนร้อยละ 10 ต่อเดือน

โดยการหลอกลวงนั้นเพื่อให้มีความน่าเชื่อถือ และประชาชนทั่วไปหลงเข้าร่วมลงทุน รวมทั้งกลุ่มผู้กระทำผิดได้มีการจัดทำเว็บไซต์มีการจัดประชุมแสดงภาพความสำเร็จ และมีการกล่าวจูงใจเพื่อให้ผู้ร่วมลงทุนเชื่อมั่น และลงทุนแบบไม่ถอนหุ้น พร้อมมีผลตอบแทนระหว่างการลงทุน จากนั้นกลุ่มผู้กระทำผิดได้หยุดจ่ายผลตอบแทนทำให้เกิดความเสียหาย ล่าสุด พบข้อมูลความเสียหายกว่า 1 พันล้านบาท

 
นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผอ.ส่วนคดีอาญาพิเศษ 2 กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่สตูลนั้น นางจรวยพร เอี้ยวสกุล เป็นผู้ที่มีชื่อเสียง และฐานะทางสังคมในพื้นที่ จ.สตูล และเป็นข้าราชการในจังหวัด จึงถือว่าเป็นผู้ที่มีความน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก จึงมีผู้เข้าร่วมลงทุนด้วยกว่า 60 ราย และจากการสืบสวนพบว่า การดำเนินธุรกิจของ นางจรวยพร นั้น ทำหน้าที่เป็นผู้บรรยายบนเวทีของงานเปิดตัวธุรกิจในหลายที่ และมีการแสดงความสำเร็จจากธุรกิจให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาฟัง โดยมีการชักชวนให้สมาชิกลงทุน และมีผู้สนใจลงทุนแบบไม่ต้องถอนทุน และไม่ต้องเบิกผลประโยชน์รายเดือนออกมาใช้ โดยทุกคนรอจนกว่าจะครบ 24 เดือน แล้วค่อยถอนการลงทุนทีเดียว

ซึ่งปรากฏกว่า ธุรกิจที่ชักชวนให้ลงทุนได้ดำเนินกิจการเพียง 10 เดือน ก็หยุดการจ่ายผลตอบแทน และแจ้งต่อสมาชิกที่ลงทุนว่า บริษัทในต่างประเทศล้มละลาย ทำให้ผู้เสียหายเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก ซึ่งบางรายได้กู้ยืมเงิน นำทรัพย์สินไปจำนอง เพื่อนำเงินมาลงทุน และต้องชดใช้หนี้ที่กู้ยืมมาเพื่อหาเงินมาลงทุน และต้องก้มหน้าใช้หนี้ที่ตนเองสร้างมาจนถึงปัจจุบัน

 
ซึ่งการเข้าตรวจสอบทรัพย์สิน และขออายัดทรัพย์สินของ นางจรวยพร ในวันนี้นั้น จะตรวจสอบทรัพย์สินที่ได้สร้างหลังจากปี 2556 เป็นต้นมา หรือหลังจากที่ได้ลงทุนแชร์ลูกโซ่ ซึ่งจากการตรวจสอบทรัพย์สินนั้นได้มีรถเก๋งยี่ห้อนิสสัน 1 คัน บัญชีธนาคารหลายเล่ม และโน้ตบุ๊กที่ใช้ในการทำแชร์ลูกโซ่ ซึ่งข้อมูลในโน้ตบุ๊กนั้นถือว่าเป็นหลักฐานที่แน่นหนามากที่สุด และหลังจากนี้จะทยอยตรวจสอบทรัพย์สินต่อไป และแจ้งข้อหาฉ้อโกงประชาชน เนื่องจาก นางจรวยพร นั้นถือว่าเป็นลำดับแม่ข่ายลำดับต้นๆ

 
ด้าน นางจรวยพร เอี้ยวสกุล กล่าวว่า ยินดีที่ให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจค้น และตรวจสอบเอกสาร และยอมรับว่าเอกสารมีจริงไม่ได้ทำลายไปไหน พร้อมให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอไปตรวจสอบ และการลงทุนมีเงินเยอะในบัญชีเพราะตนเองไม่ได้เบิกออกมาเป็นเงินสะสมเรื่อย และก็ถือว่าเป็นผลกำไร ส่วนตนเองนั้นทำธุรกิจหลายตัว และยินดีให้ตรวจค้นบ้าน และก็มีสมาชิกที่มาลงทุน ส่วนหลักฐานเอกสาร หรือข้อความก็ให้ไปทุกอย่าง ยืนยันบริสุทธิ์มิได้โกงใคร และตนเองก็ได้รับผลกระทบตรงนี้สูญเสียเงินไปเช่นกัน 36 ล้านบาท

สำหรับคดีนี้ในพื้นที่ จ.สตูล ที่เปิดสอบสวนไปเมื่อวานนี้ โดยมีผู้เสียหายเดินทางมาร้องเรียน จำนวน 67 ราย เป็นเงิน 18 ล้านบาท โดยเป้าหมายหมายรายชื่อที่ถูกหลอก จำนวน 150-200 ราย ที่ร่วมเล่นแชร์นี้ และในส่วนทั้งประเทศไทยพบผู้โดนหลอกได้รับผลกระทบ 700 ราย สอบปากคำ 500 ราย ต้องสูญเสียเงินไปเป็น จำนวน 1,000 ล้านบาท และได้อายัดทรัพย์สินและเงินในรายใหญ่ประมาณ 50 ล้านบาท พร้อมยังพบว่ามีชาวต่างประเทศ 3 คน เตรียมออกหมายจับหนึ่งใน 3 ได้ถูกตรวจสอบ และอายัดทรัพย์ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท เมื่อเสร็จจากนี้ต้องเดินทางไปขยายผลใน จ.สงขลา รวมทั้งการถูกหลอกจะเป็นในพื้นที่ภาคใต้เป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ทางรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ได้กำชับสั่งการเร่งกวาดล้างให้สิ้น


 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น