ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สาว รพ.สตูล ร้องสื่อถูกกลั่นแกล้งให้ต้องลาออกอย่างไม่เป็นธรรม ผอ.โต้ต้องให้ออกเพราะไม่ผ่านการประเมิน เผยเริ่มมีปัญหาเมื่อ 3 ปีก่อน เป็นโรคเครียดทำงานร่วมกับผู้อื่นไม่ได้
วันนี้ (5 ม.ค.) น.ส.ภัทรพร ปรีดาศักดิ์ พนักงานราชการโรงพยาบาลสตูล ได้เข้าร้องทุกข์เพื่อขอความเป็นธรรมจากผู้สื่อข่าวศูนย์หาดใหญ่ โดยเปิดเผยว่า ตนเองเป็นพนักงานราชการ รพ.สตูล ตำแหน่งนักจิตวิทยา โดยทำงานที่ รพ.สตูลมา 11 ปี ต่อมา เมื่อกลางปี 2558 เป็นต้นมา ได้มีการร้องเรียนถึงเรื่องการประพฤติมิชอบในแผนกที่ตนเองทำหน้าที่ และพนักงานส่วนหนึ่งเข้าใจว่าตนเองเป็นผู้ร้องเรียน หลังจากนั้นจึงถูกกลั่นแกล้งต่างๆ นานา เช่น การไม่จ่ายงานให้ทำ ไม่พูดจา ไม่ร่วมสมาคมด้วย มีการให้อุบายหลอกให้ตนเองเซ็นเอกสารการประเมิน เพื่อประเมินการทำหน้าที่ให้ต่ำกว่าเกณฑ์ เพื่อบีบบังคับให้ลาออกจากหน้าที่ เพื่อที่จะบรรจุญาติของผู้ใหญ่ในตำแหน่งของตน
ต่อมา เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.58 นายแพทย์ธีรชัย เอื้ออภิบาลกุล ผอ.รพ.สตูล ได้เรียกตนเข้าไปพบและได้แจ้งให้ทราบว่า ตนมีทางเลือกเพียง 2 ทาง 1.คือการเขียนใบลาออก 2.คือการไล่ออก ซึ่งหากถูกไล่ออกตนจะลำบากไม่สามารถยืนอยู่ในสังคมได้ ตนเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต่อตนไม่เป็นธรรมและเป็นการย่ำยีศักดิ์ศรีของการเป็นมนุษย์ เนื่องจากตนไม่ได้เป็นผู้ร้องเรียนเรื่องต่างๆ ที่ไม่ถูกต้องใน รพ.สตูล และตนเองไม่ได้บกพร่องต่อหน้าที่ ส่วนการที่มีการประเมินการทำหน้าที่ไม่ผ่านเกณฑ์เป็นเพราะตนถูกกลั่นแกล้ง และแผนกที่ตนทำหน้าที่อยู่ ได้พยายามกดดันตนเองทุกวิถีทางเพื่อให้ตนลาออก
ซึ่งหลังจากที่ ผอ.รพ.เรียกตนไปพบ และให้ตนเลือกได้เพียง 2 ทาง ตนได้ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อผู้ว่าราชการจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด สำนักปลัดกระทรวงฯ และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสตูล แต่ก็ไม่มีการดำเนินการใดๆ ในการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อให้ความเป็นธรรมต่อตนเอง โดยเฉพาะศูนย์ดำรงธรรม ตนเองได้ติดต่อสอบถามความคืบหน้ามาโดยตลอด แต่ไม่มีอะไรคืบหน้า เจ้าหน้าที่ตอบได้อย่างเดียวว่า “อยู่ระหว่างการดำเนินการ” นอกจากการร้องเรียนไปยังที่ต่างๆ แล้ว ตนยังได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมือง จ.สตูล เนื่องจากตนเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย การเข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชนจึงเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่ตนสามารถทำได้
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ขอทราบข้อเท็จจริงจาก นายแพทย์ธีรชัย เอื้ออภิญญากุล ผอ.รพ.สตูล ซึ่งนายแพทย์ธีรชัย ได้ให้รายละเอียดว่า น.ส.ภัทรภร มีปัญหาในการทำหน้าที่ โดยเริ่มจะมีปัญหาเมื่อ 3 ปีก่อน จนไม่สามารถทำงานร่วมกับผู้ร่วมงานได้ มีความเครียด หงุดหงิด ควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ ตนเองพยายามแก้ปัญหาด้วยการประคับประคองเพื่อที่จะไม่ต้องให้ออกจากงาน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ดีขึ้น
สุดท้ายเมื่อมีการประเมินผลการทำงานของ น.ส.ภัทรภร ปรากฏว่า ไม่ผ่านเกณฑ์ประเมิน ซึ่งตามกฎระเบียบเมื่อไม่ผ่านเกณฑ์ประเมิน จึงมีทางเดียวคือ ต้องลาออก ซึ่งได้มีการเรียก น.ส.ภัทรภร มาพบ โดยมีคุณแม่ของน้องมาด้วย โดยแนะนำให้ลาออกแทนการให้ออก เพื่อที่จะไม่เสียประวัติ แต่น้องคงจะไม่เข้าใจจึงได้ร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ ซึ่งตนก็พร้อมที่จะชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่าไม่ได้มีการกลั่นแกล้งน้องแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะมีระเบียบหลักเกณฑ์ของทางราชการอย่างนั้น ก็ต้องทำไปตามระเบียบของทางราชการ