ยะลา - จากเหตุระเบิด อส.ทพ.ยะลาเสียชีวิตในกุโบร์ขณะทำพิธีศพมารดา ผู้เป็นภรรยาขอร้องให้ผู้ที่กระทำได้กลับใจ อย่าคิดกระทำการต่อครอบครัวใดอีก ขณะที่นายอำเภอเมืองยะลา เผยเป็นการกระทำที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ทางจังหวัดจะเร่งให้การช่วยเหลือ
วันนี้ (14 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่เกิดเหตุคนร้ายได้ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 10 กก. ไปฝังไว้ในหลุมฝังศพมารดาของ อส.ทพ.ซัยค์ เจ๊ะดอมะ สังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ซึ่งได้ทำพิธีอ่านคัมภีร์อัลกรุอาน และขอดูอาร์ให้แก่มารดาที่เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.58 ที่ผ่านมา และคนร้ายได้กดชนวนระเบิดในช่วงเวลาดังกล่าว ทำให้ อส.ทพ.ซัยค์ เจ๊ะดอมะ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และนายอาซิ เจ๊ะดอมะ อายุ 63 ปี ผู้เป็นพ่อได้รับบาดเจ็บ
ภายหลังเกิดเหตุ นายก้องสกุล จันทราช นายอำเภอเมืองยะลา ได้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจแก่ครอบครัวของ อส.ทพ.ซัยค์ เจ๊ะดอมะ ที่บ้าน โดยมีญาติ และภรรยายังคงอยู่ในอาการโศกเศร้า และเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่ นายอาซิ เจ๊ะดอมะ ผู้เป็นพ่อซึ่งอยู่ในเหตุการณ์และถูกแรงระเบิดด้วยนั้น ยังคงมีอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อตามร่างกาย และต้องไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจสุขภาพอย่างละเอียดอีกครั้ง
นางซันซานี เจ๊ะดอมะ ผู้เป็นภรรยา เปิดเผยว่า เช้าวันเกิดเหตุ อส.ทพ.ซัยค์ เจ๊ะดอมะ ได้เดินทางไปกุโบร์ที่ฝังศพของผู้เป็นแม่ เพื่อประกอบพิธีอ่านคัมภีร์อัลกุรอาน และสวดดูอาร์ขอพรตามหลักพิธีทางศาสนา โดยมีพ่อ และญาติๆ อีก 7-8 คน ที่เดินทางไปพร้อมกัน จากนั้นไม่นาน ตนเองก็ได้ยินเสียงระเบิด แต่ไม่ได้คิดว่าจะเกิดขึ้นกับผู้เป็นสามี ก่อนที่ญาติจะโทรศัพท์มาบอกว่าสามีถูกระเบิดเสียชีวิตแล้ว
“ปกติผู้เป็นสามีก็จะทำงานที่หน่วยเฉพาะกิจ หากมีเวลาลาพักตามวงรอบก็จะกลับมาหาครอบครัว และให้เวลาแก่คนในครอบครัว ทั้งลูกๆ และพ่อแม่ อยู่กับครอบครัวตลอดช่วงเวลาพัก ผู้เป็นสามีเป็นคนที่มีอัธยาศัยดี แม้จะเป็นคนพูดน้อย แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านก็จะบอกเล่าเรื่องของการทำงานให้ฟัง เพื่อนที่ทำงานก็จะรัก และเคารพให้เกียรติแกมาก” ผู้เป็นภรรยา กล่าว
นางซันซานี เจ๊ะดอมะ ผู้เป็นภรรยาบอกอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็นการสูญเสียเสาหลักของบ้าน เพราะ อส.ทพ.ซัยค์ เจ๊ะดอมะ เป็นผู้ดูแลครอบครัวทั้งหมด อยากฝากบอกถึงผู้ที่ประสงค์ร้ายขอให้มีจิตใต้สำนึกบ้าง สถานที่ที่เกิดเหตุไม่ควรที่จะเป็นที่ตรงนั้นเลย มันสะเทือนขวัญมากที่ไปก่อเหตุในกุโบร์ ซึ่งถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ควรที่จะให้การเคารพให้เกียรติแก่สถานที่ และขอให้ผู้ที่กระทำได้กลับใจ อย่าคิดกระทำการต่อครอบครัวใดอีก ขอให้ครอบครัวของเราเป็นครอบครัวสุดท้ายกับเหตุการณ์แบบนี้
ด้าน นายก้องสกุล จันทราช นายอำเภอเมืองยะลา เปิดเผยว่า ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญต่อจิตใจของชาวไทยมุสลิม และผู้ที่ทราบข่าว ไม่ว่าจะเป็นผู้นับถือศาสนาใดก็ตาม เป็นที่น่าสลดใจเป็นอย่างมาก ซึ่งก็ไม่ทราบว่าคนที่ก่อเหตุนั้นคิดอะไรที่ใช้พื้นที่ฝังศพเป็นที่ก่อเหตุปองร้ายเอาชีวิตผู้อื่น ซึ่งหลังเกิดเหตุก็ได้พูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่บ้านบ่อเจ็ดลูก ทุกคนก็รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะที่ผ่านมา เมื่อกล่าวถึงบ้านบ่อเจ็ดลูกก็มักจะคิดถึงเหตุการณ์อยู่บ่อยครั้ง
ชาวบ้านในพื้นที่บอบช้ำมามากพอแล้ว เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีกเหมือนเป็นการซ้ำเติมชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านเองก็หดหู่ใจ และไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายในกุโบร์ฝังศพ ที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้น อย่างไรก็ตาม หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว พบว่า คนร้ายได้ฝังระเบิดแสวงเครื่องไว้ในหลุมฝังศพ และจุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร คาดว่ากลุ่มคนร้ายได้เฝ้าสังเกตอยู่ในบริเวณดังกล่าวก่อนที่จะลอบกดชนวนระเบิดเพื่อก่อเหตุดังกล่าว
นายอำเภอเมืองยะลา ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนของความช่วยเหลือครอบครัวของผู้สูญเสีย ทางจังหวัดจะเร่งประสานงานไปยังศูนย์ปฏิบัติการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจังหวัดยะลา เพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือ ทั้งสภาพจิตใจ และการช่วยเหลือครอบครัว เพราะ อส.ทพ.ซัยค์ เจ๊ะดอมะ ยังมีบุตรอีก 4 คน และคนในครอบครัวที่จะต้องดูแล เหมือนกับการขาดเสาหลักในการดูแลครอบครัวไป ทางภาครัฐก็จะเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่