“จุฬาราชมนตรี” ประณามเหตุระเบิดปัตตานี ยันผิดหลักศาสนาอิสลาม เรียกร้องมุสลิมทั่วประเทศอยู่ร่วมกับเพื่อนต่างศาสนาอย่างสันติ - ป้องกันการทำลายผู้บริสุทธิ์ - ช่วยเหลือเหยื่อความรุนแรง ด้าน “สมาคมเพื่อสันติภาพชายแดนใต้” แถลงต้องยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชนทันที เรียกร้องเจ้าหน้าที่รัฐหาตัวคนผิดมาลงโทษ พร้อมเยียวยาผู้เสียหาย
วันนี้ (26 ก.ค.) สำนักจุฬาราชมนตรีออกแถลงการณ์ เรื่อง การฆ่าและทำร้ายพระ นักบวช ผู้นำศาสนา ตลอดจนประชาชนผู้บริสุทธิ์ มีใจความว่า สำนักจุฬาราชมนตรี มีความสะเทือนใจและเสียใจอย่างสุดซึ้งกับเหตุการณ์ความรุนแรง โดยการวางระเบิดในเขตเทศบาลตำบลตะลุบัน อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เมื่อเช้าวันที่ 25 กรกฎาคม 2558 จนเป็นเหตุให้พระสงฆ์จำนวนหนึ่งรูปถึงแก่มรณภาพ ทหารเสียชีวิตหนึ่งนาย และชุดรักษาความปลอดภัย รวมทั้งประชาชนอีกจำนวนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ
ตลอดระยะเวลากว่าทศวรรษที่ผ่านมาของเหตุการณ์ความรุนแรงที่ได้ปะทุขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้นำมาซึ่งการบาดเจ็บสูญเสียในชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ไปเป็นจำนวนมาก ทั้งพี่น้องที่เป็นชาวพุทธและชาวมุสลิม สำนักจุฬาราชมนตรีขอประณามผู้กระทำการอันโหดร้ายอย่างไรมนุษยธรรมไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตามที่ได้เข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รวมทั้งในกรณีที่เกิดขึ้นล่าสุดที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี
สำนักจุฬาราชมนตรี ขอยืนยันในจุดยืนอันเป็นหลักธรรมคำสอนของศาสนาอิสลามดังปรากฏในคัมภีร์อัลกุรอาน บทอัลมาอิดะห์ โองการที่ 36 ว่า “หากผู้ใดฆ่าผู้บริสุทธิ์แม้เพียงคนเดียว เท่ากับเขาฆ่ามนุษย์ทั้งโลก และหากผู้ใดรักษาชีวิตมนุษย์แม้เพียงคนเดียว เท่ากับเขารักษาชีวิตมนุษย์ทั้งโลก” อีกทั้งในแบบอย่างคำสอนของท่านนบีมูฮัมมัด (ซ.ล.) ถึงกับกล่าวว่า “ฉันคือศัตรูของใครก็ตามที่ทำร้ายเพื่อนต่างศาสนิกให้ได้รับบาดเจ็บ และหากฉันเป็นศัตรูกับใครแล้ว ฉันจะไปยืนยันสิ่งนั้นต่อพระผู้เป็นเจ้าในวันพิพากษา” และท่านนบียังได้กล่าวอีกว่า “ผู้ใดทำร้ายคนที่ไม่ใช่มุสลิม เท่ากับทำร้ายฉัน ย่อมสร้างความไม่พอใจให้กับพระผู้เป็นเจ้า”
ดังนั้น สำนักจุฬาราชมนตรีจึงขอเรียกร้องให้ผู้นำประชาคมมุสลิมทั่วประเทศ ปฏิบัติดังนี้
1. ตระหนักและยืนหยัดในคำสอนอันเป็นแก่นของศาสนาอิสลามดังกล่าวเพื่อการอยู่ร่วมกับเพื่อนต่างศาสนิกอย่างสันติ และเนื่องจากอิสลามเป็นศาสนาที่ให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดในเรื่องความรัก ความเมตตา ควบคู่กับความยุติธรรม ดังนั้น มุสลิมจำเป็นต้องอำนวยความยุติธรรมต่อเพื่อนมนุษย์ ถึงแม้ว่าในบางสถานการณ์ชาวมุสลิมอาจถูกทดสอบจากการกระทำที่ไร้ความยุติธรรม แต่อิสลามกลับสอนให่มุสลิมตอบแทนความอธรรมด้วยความดีงามบนพื้นฐานของความยุติธรรม
2. แสวงหาแนวทางความร่วมมือกับเพื่อนต่างศาสนิกในชุมชนเพื่อช่วยกันป้องภัยที่คุกคามชีวิตและทรัพย์สินของคนในชุมชนทุกศาสนา ดังปรากฏแบบอย่างอันงดงามในธรรมนูญมะดีนะฮ์สมัยท่านนบีมูฮัมมัด (ซ.ล.) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องช่วยกันยับยั้งการมุ่งทำลายประชาชนผู้บริสุทธิ์ พระ นักบวช เด็ก สตรี และการทำลายศาสนสถาน
3. ขอจงช่วยกันให้กำลังใจและให้ความช่วยเหลือต่อเหยื่อของเหตุการณ์ความรุนแรงในทุกศาสนิก ตลอดจนช่วยกันขอพรจากอัลลอฮ์ (ซ.บ.) เพื่อให้เกิดความสันติสุขในทุก ๆ พื้นที่โดยเร็ว
ขณะเดียวกัน สมาคมเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ (POSBO) ก็ได้ออกแถลงการณ์ประณามผู้ก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้เช่นกัน มีใจความว่า สมาคมเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ ขอประณามการกระทำของผู้ก่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่โหดร้าย ทารุณไร้มนุษยธรรม ละเมิดสิทธิมนุษยชน และหลักมนุษยธรรม ซึ่งเป็นหลักสากลที่ทุกฝ่ายต้องยึดถือ ทั้งนี้ ขอแสดงความเสียใจต่อผู้สูญเสียและญาติมิตรในเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น พร้อมกันนี้ ทางสมาคมเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ได้ออกมาเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนคำนึงและปฏิบัติ ดังนี้
ผู้ที่ก่อเหตุการณ์ความรุนแรงต่อพระภิกษุ สตรี และประชาชนบริสุทธิ์ ต้องยุติการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนทันที เจ้าหน้าที่รัฐต้องเร่งดำเนินการสืบสวน เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีและลงโทษตามกฎหมายในทุกเหตุการณ์ที่มีการใช้ความรุนแรง และรัฐบาลจะต้องให้การดูแลรักษาพยาบาลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ การเยียวยาผู้เสียหาย ผู้บาดเจ็บ หรือผู้ที่เสียชีวิตจากกรณีเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น อย่างเป็นมาตรฐานตามหลักมนุษยธรรม โดยให้หลักประกันว่าจะให้ความเป็นธรรมและเยียวยาทุกฝ่าย ทั้งในรูปเงินและความช่วยเหลือ การฟื้นฟู การช่วยเหลือต่าง ๆ รวมถึงจิตใจโดยไม่เลือกปฏิบัติ