ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องกรณีกลุ่มคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย อ.จะนะ จ.สงขลา ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
วันนี้ (27 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ศาลจังหวัดสงขลา ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษายกฟ้องกรณีกลุ่มคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย อ.จะนะ จ.สงขลา ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อสลายการชุมนุมคัดค้านโครงการฯ เมื่อคืนวันที่ 20 ธันวาคม 2545 ที่บริเวณสะพานจุติอนุสรณ์ ทางเข้าโรงแรมเจบี อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
โดยในคดีนี้ชาวบ้านจำนวน 25 คน ได้ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ 38 คน โดยศาลชั้นต้นจังหวัดสงขลารับฟ้องเพียง 6 จำเลย รวมทั้งอดีต ผบ.ตร. พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ และ พล.ต.ต.สัณฐาน ชยนนท์
ด้านนางสาว ส รัตนมณี พลกล้า ทนายความ กล่าวว่าศาลได้ให้เหตุผลในการยกฟ้องว่าหลักฐานไปไม่ถึงจำเลย ในกรณีของจำเลยที่ 1 หรือ พล.ต.อ. สันต์ ศาลเห็นว่าไม่มีส่วนต้องรับผิดชอบในกรณีนี้เนื่องจากการกำหนดแผนรักษาความปลอดภัยในวันเกิดเหตุเป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ 3 หรือ พล.ต.ต. สัณฐาน ในการดูแลกำกับแผน จำเลยที่ 1 จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ในขณะที่พล.ต.ต. สัณฐาน นั้น ศาลได้ให้น้ำหนักกับหลักฐานฝ่ายจำเลยมากกว่า เนื่องจากมีผู้ชุมนุมมาล้อมที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และก่อนหน้านี้เคยมีเหตุการณ์ชุมนุมคล้ายกันเกิดขึ้นมาก่อนถึง 2 ครั้ง ศาลจึงเห็นว่าการสลายการชุมนุมจึงสมควรแก่เหตุ ในขณะที่จำเลยที่ 4, 6, 13 และ 14 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการสลายการชุมนุม ศาลมองว่าเป็นเพียงผู้รับคำสั่งและปฏิบัติตามหน้าที่ตามคำสั่งเท่านั้น
“ข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นใช้พิจารณาวันนี้ขัดกับข้อเท็จจริงของศาลปกครองสูงสุดและศาลฎีกาที่ตัดสินไปก่อนหน้านี้ ซึ่งต่างให้ความเห็นตรงกันว่าการชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ ศาลชั้นต้นไม่อ้างคำพิพากษาของศาลฎีกาทั้งที่ควรเป็นข้อเท็จจริงถึงที่สุด”
นางสาว ส กล่าวอีกว่า ศาลฎีกาได้ตัดสินเมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา ยืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องชาวบ้านทั้ง 32 คน ซึ่งถูกจ้าหน้าที่รัฐฟ้องในข้อหาชุมนุมอย่างไม่สงบและพกพาอาวุธในขณะชุมนุม
ด้านนางสุไรด๊ะห์ โต๊ะหลี กล่าวว่าทางกลุ่มฯจะอุทธรณ์ต่อ เพราะเห็นว่าศาลใช้มาตรฐานไม่เท่าเทียมกัน และยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้กำลังเกินกว่าเหตุ โดยได้เข้ามาสลายการชุมนุมทั้งๆ ที่ตัวแทนรัฐบาลขณะนั้นได้เจรจาและมีข้อตกลงให้ชาวบ้านรอเพื่อยื่นหนังสือให้รัฐบาลตามที่ทางกลุ่มเสนอ
“จากหลักฐานที่ศาลชั้นต้นใช้พิจารณาไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในวันเกิดเหตุ ซึ่งศาลฎีกาในคดีที่ชาวบ้านถูกตำรวจฟ้องได้ยืนยันความยุติธรรมให้กับชาวบ้านแล้วว่าเป็นการชุมนุมอย่างสงบและเป็นไปตามหลักการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ฝ่ายตำรวจได้รุกล้ำเข้ามาทุบตีทำร้ายชาวบ้านได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก สลายการชุมนุม และจับกุม คดีนี้คงสู้กันในศาลอีกนานที่ผ่านมาศาลปกครองได้ตัดสินแล้วว่าตำรวจมีความผิด”