ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ศาลสืบพยานนัดสุดท้ายคดีกลุ่มชุมนุมคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย ฟ้อง พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ โดยมี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย (ในขณะเกิดเหตุ) มาให้ปากคำ โดยศาลจะตัดสินคดีวันที่ 27 พ.ย.นี้
วันนี้ (18 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลจังหวัดสงขลา ศาลนัดสืบพยานคดีหมายเลขดำที่ 1818/2546 ความอาญา ศาลจังหวัดสงขลา ระหว่าง นายสักกริยา หมะหวังเอียด ที่ 1 กับพวกรวม 25 คน ในฐานะโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 38 คน ในคดีสลายการชุมนุมท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2545 ซึ่งจะมีการวันสืบพยานวันสุดท้าย โดยเป็นการสืบพยานจำเลย คือ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย (ในขณะเกิดเหตุ)
เหตุคดีนี้เกิดเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2545 กลุ่มผู้คัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย ได้เดินทางจากอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ไปอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อรอยื่นหนังสือในวันที่ 21 ธันวาคม 2545 ต่อ นายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น โดยรัฐบาลได้กำหนดให้มีการประชุ ครม.สัญจร ที่โรงแรม เจ.บี.หาดใหญ่ ในวันที่ 21 และ 22 ธันวาคม 2545
แต่ปรากฏว่า เมื่อกลุ่มผู้คัดค้านเดินทางมาถึงถนนจุติอนุสรณ์ ทางเข้าโรงแรมเจบี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดกั้นทางเข้าด้วยแผงเหล็ก และระหว่างรอการเจรจากลุ่มผู้คัดค้านได้ถูกสลายการชุมนุมโดยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในเวลาประมาณ 20.00 น.
จากการสลายการชุมนุมดังกล่าวได้มีการจับกุมเจ้าหน้าที่องค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs) รวม 12 คน ในที่เกิดเหตุ และมีการออกหมายจับชาวบ้าน และนักศึกษาอีก 20 คน และถูกจับกุม และถูกดำเนินคดีในเวลาต่อมา ในข้อหาถึง 7 ข้อหา ซึ่งเกี่ยวกับการชุมนุมโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย สั่งให้เลิกชุมนุมแล้วไม่เลิก ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน ทำลายทรัพย์สินราชการ ฯลฯ
โดยได้มีการฟ้องคดีทั้งหมด 2 คดี เนื่องจากแยกกลุ่มผู้ถูกดำเนินคดี ซึ่งทั้ง 2 คดีดังกล่าว ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษายกฟ้องทั้ง 2 คดี โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอฟังคำพิพากษาศาลฎีกา
นอกจาก มีการจับกุมแล้ว กลุ่มผู้ชุมนุมยังได้รับบาดเจ็บ รถยนต์ และทรัพย์สินของผู้ชุมนุมได้รับความเสียหาย หลังจากถูกสลายการชุมชน กลุ่มผู้ชุมนุมจึงได้ฟ้องคดีเกี่ยวกับการสลายการชุมนุม รวม 3 คดี ได้แก่
1.ฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อศาลปกครองสงขลา เพื่อเรียกค่าเสียหายจากการไม่ได้ใช้เสรีภาพในการชุมนุม ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได้พิพากษาแล้วให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติชดใช้ค่าสูญเสียเสรีภาพจากการชุมนุมเป็นเงิน 100,000 บาท
2.ฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อศาลแขวงสงขลา เพื่อเรียกค่าเสียหายจากการที่ถูกทำร้ายร่างกาย และทำลายทรัพย์สิน คดีอยู่ระหว่างรอพิพากษา โดยศาลให้จำหน่ายคดีชั่วคราวเพื่อรอผลคดีอาญาที่ผู้ชุมนุมฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจ (คดีที่ 3)
3.ฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้สั่งการสลายการชุมนุม และเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติการสลายการชุมนุม ซึ่งคดีนี้ NGOs และชาวบ้าน ผู้ชุมนุมได้ฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ และทำร้ายร่างกาย โดยฟ้องเอง ซึ่งในศาลชั้นต้นรับฟ้องเฉพาะ พล.ต.ต.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา (ในขณะนั้น) แต่โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งรับฟ้องเพิ่มอีก 6 นาย ได้แก่ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ในขณะนั้น) พ.ต.อ.สุรชัย สืบสุข รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา (ในขณะนั้น) และรับฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจอื่นๆ อีกที่เป็นผู้บังคับหมู่ และรองผู้บังคับหมู่ที่ร่วมสลายการชุมนุมอีก 3 นาย โดยคดีนี้โจทก์ได้ยื่นฟ้องคดีตั้งแต่กลางปี 2546 และศาลเริ่มสืบพยานเมื่อ ปี 2553
นายเจ๊ะเด็น อนันตบริพงษ์ สมาชิกกลุ่มชุมนุมท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย กล่าวว่าคดีนี้สมาชิกกลุ่มฯ ได้ขอความช่วยเหลือไปทางสภาทนายเพื่อให้มาช่วยต่อสู้คดี และก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี 10 กว่าปีที่ทนายความเดินทางมาขึ้นศาลแทบทุกเดือน รู้สึกสงสารและขอบขอบคุณเป็นอย่างสูง
นายเจ๊ะเด็น กล่าวอีกว่า ตลอดระยะเวลายาวนาน 10 กว่าปีที่ต้องเดินทางมาขึ้นศาล สมาชิกกลุ่มคัดค้านฯ ได้เรียนรู้ขบวนการศาลมากมายจากเดิมที่กลัวศาลก็มีความกล้า ที่สำคัญการนำคดีขึ้นศาลเพื่อเป็นการยืนยันสู้คดีกันเพื่อให้ศาลตัดสินว่าการใช้อำนาจรัฐทำร้ายประชาชนที่ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ และถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายนั้น ฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายผิดโดยศาลจะตัดสินคดีในวันที่ 27 พ.ย.58 เวลา 10.00 น. ซึ่งเป็นวันที่ชาวบ้านธรรมดาอย่างกลุ่มคัดค้านรอคอย
