ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ว่าฯ ภูเก็ต เปิดแถลงข่าวสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว หลังเกิดม็อบรุนแรงหน้าโรงพักถลาง เตรียมรื้อระบบการดูแลความปลอดภัย ตั้งคณะทำงานถอดบทเรียนจากเหตุม็อบเสนอรัฐบาลปรับปรุงทั้งระบบ เผยเหตุค้างคาใจปล่อยจนเกิดจลาจลเพราะกำลังไม่พอ ม็อบมึนเมา มีอาวุธ ไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสียเพิ่ม ทำได้แค่รักษาฐานที่มั่น รอกำลังเสริมจากนอกจังหวัด ผู้ว่าฯ ลั่นหลังจากนี้เอาจริงใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดต่อทุกม็อบ
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (12 ต.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายโชคดี อมรวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าวการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวเรื่องความปลอดภัย ภายหลังเกิดเหตุการณ์ม็อบที่บริเวณหน้าสถานีตำรวจถลาง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยมีตัวแทนจากตำรวจ ทหาร เข้าร่วมเพื่อสร้างความเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
นายจำเริญ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นได้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของภูเก็ต โดยเฉพาะภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย เพราะข่าวที่เกิดขึ้นได้ถูกเผยแพร่ไปยังนักท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งยังมีนักท่องเที่ยวบางส่วนที่ยังเข้าใจคลาดเคลื่อนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งขอให้นักท่องเที่ยว และชาวภูเก็ตเชื่อมั่นในหน่วยราชการทุกหน่วยที่จะดูแลบ้านเมืองนี้ให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย โดยหลังจากนี้ ได้มอบหมายให้นายโชคดี อมรวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นหัวหน้าคณะทำงานในการถอดบทเรียนเหตุการณ์การชุมนุมที่เกิดขึ้นว่าจะต้องปรับปรุงแก้ไขในส่วนใดบ้าง ซึ่งจะดำเนินการทุกมิติ ทุกประเด็น ทั้งในเรื่องของการสั่งการ อุปกรณ์สื่อสาร กำลังเจ้าหน้าที่ นำเสนอรัฐบาลเพื่อปรับเปลี่ยนการดูแลความปลอดภัยในสถานการณ์ฉุกเฉิน และตนได้หารือกับแม่ทัพภาค 4 ในการที่จะให้ทางทหารเข้ามาดูแลพื้นที่ภูเก็ตอีกด้วย และทุกฝ่ายจะต้องบูรณาการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และประชาชนชาวภูเก็ต
“ต่อจากนี้ไปจะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดสำหรับผู้ที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของราชการการ และก่อความไม่สงบในพื้นที่ อยากวิงวอนผู้ปกครองให้ดูแลลูกหลานไม่ให้ออกมาแสดงออกในลักษณะที่เกิดขึ้นที่หน้า สภ.ถลางอีก เพราะทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด”
ส่วนการดำเนินการให้ความยุติธรรมต่อผู้ที่เสียชีวิตทั้ง 2 รายนั้น นายจำเริญ กล่าวว่า ทางจังหวัดภูเก็ตจะให้ความมั่นใจต่อผู้เสียหายอย่างเต็มที่ โดยได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลความยุติธรรมให้แก่ผู้เสียหาย โดยมี นายโชคดี อมรวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธาน ทั้งในเรื่องของการชันสูตรศพ และการดำเนินคดีที่ให้มีฝ่ายปกครองเข้าไปดูแลด้วยให้เสร็จภายใน 30 วัน สิ่งเหล่านี้เป็นการยืนยันถึงการให้ความเป็นธรรมต่อผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน อย่างแน่นอน
ส่วนกรณีเรื่องค้างคาใจประชาชนที่ว่าทำไมต้องปล่อยให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลายนั้น ผู้ว่าฯ ภูเก็ต กล่าวว่า ทางจังหวัดภูเก็ตไม่ต้องการให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น รวมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และแม่ทัพภาค 4 ได้มีคำสั่งให้ดูแลฐานที่มั่น ไม่ให้ใช้ความรุนแรง เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุม จึงจำเป็นต้องรอกำลังเสริมจากภายนอก และรอให้มั่นใจแล้วหากมีการสลายประชาชนจะต้องไม่บาดเจ็บ และเสียชีวิตเพิ่ม
ด้าน นายโชคดี อมรวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในเรื่องของการชันสูตรศพซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วเมื่อวาน (11 ต.ค.) ที่มีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ แพทย์ ฝ่ายปกครอง นายอำเภอถลาง และญาติผู้เสียชีวิต 4 คน ซึ่งสรุปว่าเสียชีวิตจากศีรษะไปกระทบพื้นปูน และเสาไฟฟ้า ไม่ได้ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล คณะทำงานทุกๆ คนได้มีการตรวจสอบสภาพศพอย่างละเอียด และญาติผู้เสียชีวิตก็ไม่ได้ติดใจอีกแล้ว
ส่วนกรณีที่ทางจังหวัดภูเก็ตไม่สลายการชุมนุมจนทำให้เหตุการณ์บานปลายนั้น รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต ชี้แจงว่า การทำงานในวันนั้นใช้ยุทธวิธีดูแลฐานที่มั่น คือ สถานีตำรวจถลางให้ปลอดภัย ไม่สลายการชุมนุม จึงทำให้มีคำถามตามมาว่าทำไมถึงไม่กดดันสลายการชุมนุม ซึ่งการใช้กำลังสลายกลุ่มผู้ชุมนุมนั้นจะต้องมั่นใจว่ามีกำลังเพียงพอ เพราะหากสลายแล้วไม่สำเร็จก็จะยิ่งทำให้เหตุการณ์รุนแรงมากขึ้น ซึ่งในขณะนั้นกำลังที่มีอยู่ไม่เพียงพอในการสลายการชุมนุม จึงได้ขอกำลังเสริมจากมณฑลทหารบกที่ 41 และตำรวจภูธรภาค 8 ประกอบกับสถานการณ์ในขณะนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมไม่มีสติสัมปชัญะครบถ้วน เพราะถ้ามีสติคงไม่ก่อเหตุเผารถยนต์ถึง 9 คัน และไม่มั่นใจว่า ในกลุ่มผู้ชุมนุมมีการพกพาอาวุธหรือไม่ หากเจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินจะทำให้เกิดความเสียหาย และบาดเจ็บได้ จึงได้ประเมินสถานการณ์ไม่เรื่อยๆ และรักษาฐานที่มั่นคือสถานีตำรวจ สภ.ถลาง และสถานที่ราชการอื่นๆ เพื่อรอกำลังเสริม และรอให้จำนวนกลุ่มผู้ชุมนุมลดลงและอ่อนล้า เมื่อกำลังเสริมมาถึงทางจังหวัดก็ไม่เลือกการสลายการชุมนุม แต่เลือกที่จะเจรจาอย่างสงบแทน