xs
xsm
sm
md
lg

อดีต สวส.สภ.เมืองสตูล ร้อง คสช.ไล่บี้ศุลกากร ไม่ทำตามคำพิพากษาศาลฎีกา ดึงคดี 14 ปียังไม่จบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

 
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - อดีตสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสตูล ร้อง คสช.ผ่านทางผู้สื่อข่าวไล่บี้ศุลกากรไม่ทำตามคำพิพากษาศาลฎีกา ดึงคดี 14 ปียังไม่จบ

วันนี้ (24 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ต.ยงยศ เทียมประชา อดีต สวส.สภ.เมืองสตูล ได้ร้องทุกข์ต่อผู้สื่อข่าวไปยังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เพื่อขอความเป็นธรรมในคดีการจับกุมน้ำมันเถื่อนของผู้มีอิทธิพลใน จ.สตูล ซึ่งมีการฟ้องร้องกันมาจนศาลฎีกา ตัดสินให้ชุดจับกุมชนะคดีตั้งแต่ปี 2542 แต่จนถึงบัดนี้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมยังไม่ได้รางวัลนำจับ

โดย พ.ต.ต.ยงยศ ได้เปิดเผยว่า ในขณะที่รับราชการเป็น สวส. อยู่ที่ สภ.เมืองสตูล เมื่อปี 2525 ได้รับคำสั่งเป็นคำสั่งลับจาก พล.ต.ต.พิชัย พิศาลสุพงษ์ ผช.ผบช.ภ.4 (ขณะนี้คือ บชภ.9) ให้เข้าจับกุมน้ำมันเถื่อนของนายทุนใหญ่ผู้มีอิทธิพลในจังหวัดสตูล โดยสามารถจับกุมเรือบรรทุกน้ำมัน และรถบรรทุกน้ำมัน พร้อมทั้งน้ำมันเถื่อน จำนวน 37,800 ลิตร พร้อมผู้ต้องหาที่เป็นลูกจ้างของนายทุน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2537

ต่อมา นายทุนเจ้าของเรือได้ต่อสู้คดีว่าน้ำมันที่ตำรวจจับกุมเป็นน้ำมันที่ถูกต้องตามกฎหมาย และได้ฟ้องตนเองเป็นจำเลยที่ 1 พล.ต.ต.พิชัย เป็นจำเลยที่ 2 คดีอาญาหมายเลขดำที่ 48/2536 ลงวันที่ 19 มกราคม 2556 และได้ฟ้องคดีแพ่ง โดยมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นจำเลยที่ 1 ตนเป็นจำเลยที่ 2 และ พล.ต.ต.พิชัย เป็นจำเลยที่ 3 ซึ่งหลังเกิดเหตุตนเองถูกกดดันจนถูกย้ายไปรับราชการใน จ.ยะลา

พ.ต.ต.ยงยศ เปิดเผยว่า ตนเองได้ทำการต่อสู้คดี และติดตามความคืบหน้าของคดีมาโดยตลอด โดยพบว่า ในขณะที่มีการต่อสู้คดีระหว่างนายทุน และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกฟ้องร้อง พบว่าของกลางทั้งหมดที่ยึดไว้และเก็บรักษาที่ด่าศศุลกากร อ.เมือง จ.สตูล ได้หายไป แต่ไม่มีการดำเนินการเอาผิดต่อผู้ใด

คดีนี้มีการต่อสู้คดีระหว่างเจ้าหน้าที่กับนายทุน ตั้งแต่ศาลชั้นตน จนถึงศาลอุธรณ์ โดยที่ตนเอง และเจ้าหน้าที่ซึ่งถูกกล่าวหาชนะคดีตั้งแต่ศาลชั้นต้น ศาลอุธรณ์ จนเมื่อปี 2542 ศาลฎีกาได้พิษากษาให้จำคุกจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของนายทุนเป็นเวลา 6 เดือน และให้ริบของกลาง 5 รายการ คือ เรือเดินสมุทรบรรทุกน้ำมันของกลาง 2 ลำ รถบรรทุกน้ำมันยี่ห้ออีซูซุ 1 คัน น้ำมันของกลาง 37,800 ลิตร เครื่องดูดน้ำมันพร้อมสาย 1 ชุด และให้จ่ายเงินรางวัลจากราคาของกลางที่ศาลสั่งริบตาม พ.ร.บ.การให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิดผิด พ.ศ.2489 ตามคำพิพากษาศาลฎีกา หมายเลข 8857, 8858/2542 ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2542

แต่ปรากฏว่า จนถึงบัดนี้เวลาผ่านไปแล้ว 16 ปี หน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องของกลาง และในเรื่องการจ่ายบำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิดยังไม่ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลฎีกา ทั้งที่ตลอดเวลา 10 กว่าปี ตนได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังหน่วยงานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่หน่วยงานต่างๆ ตอบหนังสือเป็นเช่นเดียวกันว่า อยู่ระหว่างการดำเนินการ

ดังนั้น ขณะนี้ตนได้ทำหนังสือร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรมไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เพื่อให้กรุณาตรวจสอบถึงความผิดปกติของคดีดังกล่าวที่ล่าช้าเป็นเวลากว่า 10 ปี พร้อมกันนี้ ได้ร้องเรียนต่อสื่อมวลชนเพื่อเป็นปากเสียงให้แก่ตนเองด้วย เพราะที่ผ่านมา ตนได้รับความกดดันจากผู้มีอิทธิพลในคดีนี้มาโดยตลอด จนต้องลาออกจากราชการมาทำการต่อสู้คดีด้วยตนเองจนสามารถชนะอย่างใสสะอาด แต่หน่วยงานของรัฐกลับถ่วงคดีเอาไว้จนได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
 
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น