พิษณุโลก - แม่ทัพภาคที่ 3 เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเคลียร์ปัญหาส่งออกน้ำมันผ่านชายแดนแม่สอดเข้าพม่า ก่อนลามกระทบการค้าชายแดนทั้งระบบ ทุบโต๊ะใช้มาตรา 5 ทวิ พ.ร.บ.ศุลกากร เปิดทางส่งผ่านช่องทางอนุมัติชั่วคราว (ท่าข้ามริมเมย) ได้ 3 ช่องทาง
วันนี้ (9 เม.ย.) พล.ท.สาธิต พิธรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในการประชุมแก้ไขปัญหาการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ อ.แม่สอด จ.ตาก-เมียวดี ประเทศพม่า ที่ห้องคชรัตน์ 1 กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.เมืองพิษณุโลก โดยเชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมธุรกิจพลังงาน กรมสรรพสามิต ศูนย์ปราบปรามน้ำมันเถื่อน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมด้วย
แม่ทัพภาคที่ 3 ระบุว่า ห้วงที่ผ่านมายังมีการปฏิบัติที่ยังไม่ถูกต้องตามระเบียบ เนื่องจากมีหน่วยงานที่บังคับใช้ระเบียบ และกฎหมายหลายหน่วยงาน จนมีปัญหาทำให้ไม่สามารถส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงได้ตามเวลา
นอกจากนี้ เมื่อดำเนินพิธีการทางศุลกากรเรียบร้อยแล้วไม่สามารถดำเนินการส่งออก ณ ช่องทางถาวรสะพานมิตรภาพไทย-พม่า เนื่องจากสะพานสามารถรับน้ำหนักได้ไม่เกิน 25 ตัน ไม่สามารถรองรับน้ำหนักของรถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงได้ ส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดน และอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในห้วงต่อไปได้
ดังนั้น ต้องหารือกันถึงแนวทางแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม ให้สามารถส่งออกน้ำมันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และมีความเข้าใจตรงกันในทางปฏิบัติ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการค้าชายแดน ซึ่งมีปริมาณการค้าสูง มีผลต่อเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ
โดยให้ด่านศุลกากรแม่สอด อาศัยอำนาจตามมาตรา 5 ทวิ ของ พ.ร.บ.ศุลกากร ให้ดำเนินการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง ตามช่องทางอนุมัติเฉพาะชั่วคราว จำนวน 3 ช่องทาง คือ
1.การส่งจากรถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงทางท่อ โดยวางท่ออยู่ใต้แม่น้ำเมย 2.การส่งจากรถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงทางท่อ โดยวางท่ออยู่เหนือแม่น้ำเมย 3.การส่งจากรถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังเรือบรรทุกน้ำมัน และนำส่งไปยังฝั่งพม่า โดยมีหน่วยที่รับผิดชอบหลัก คือ ด่านศุลกากรแม่สอด สรรพสามิตแม่สอด หน่วยทหารในพื้นที่ และฝ่ายปกครอง เป็นผู้ควบคุมดูแลร่วมกัน
นอกจากนี้ ให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ใช้รถบรรทุกน้ำมันขนาดเล็กที่สามารถข้ามสะพานมิตรภาพไทย-พม่าได้ หรือหากผู้ค้าน้ำมันมีความจำเป็นต้องใช้รถบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่แล้วสูบถ่ายผ่านทางท่อ หรือการขนส่งลงถังขนาดเล็กตามที่เคยปฏิบัติมา ก็ให้ดำเนินการภายใต้การกำกับดูแลของด่านศุลกากร
ส่วนการส่งออกน้ำมันโดยขนส่งผ่านทางท่อนั้น กรมธุรกิจพลังงาน ได้แจ้งให้ผู้ประกอบการปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยตามที่กฎหมายกำหนด และให้ผู้ค้าน้ำมันประสานงานกับพลังงานจังหวัด ซึ่งกรมธุรกิจพลังงาน ได้มอบอำนาจให้จังหวัดเป็นผู้กำกับดูแลในเรื่องดังกล่าวแล้ว