ยะลา - ตชด.ยะลา นำร่องแนะชาวบ้าน “บ้านภักดี” ปลูกพืชเศรษฐกิจพันธุ์ใหม่ “มัลเบอร์รี่” ตามแนวทางพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ให้เป็นพื้นที่แรกใน จ.ยะลา
วันนี้ (16 ก.ย.) ที่แปลงสาธิต “มัลเบอร์รี่” ม.5 บ้านภักดี ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา ชาวบ้านบ้านภักดี ได้เข้ารับฟังการแนะนำการปลูกพืชเศรษฐกิจพันธุ์ใหม่ ได้แก่ “มัลเบอร์รี่พันธุ์เชียงใหม่” หลังจากกลุ่มชาวบ้านได้เข้ามาหารือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการที่บ้านภักดี ม.5 ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาอาชีพ และรายได้ให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่
โดยทางกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนบ้านภักดี ได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือกับ พล.ต.ต.วิชิต ปักษา ผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4 จึงได้มีการสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนไปศึกษาการปลูกพืชเศรษฐกิจพันธุ์ใหม่นั่นคือ มัลเบอร์รี่ ที่ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จ.นราธิวาส จากนั้นจึงได้นำความรู้มาเผยแพร่สู่ชาวบ้านบ้านภักดี
ร.ต.ท.ไพฑูรย์ ประดับศรี ผู้บังคับชุดปฏิบัติการรบพิเศษที่ 3 บ้านภักดี เปิดเผยว่า ทั้งนี้ เป็นการน้อมนำแนวคิดเศรษฐกิจแบบพอเพียงมาปรับใช้ในพื้นที่ เพื่อลดการปลูกพืชเชิงเดี่ยว ส่งเสริมคุณภาพชีวิต จึงมีการพูดคุยหารือกับชาวบ้านแล้ว จึงได้มีการรวมกลุ่มกัน จำนวน 30 กว่าราย เพื่อเข้ามาเป็นเกษตรกรนำร่องในการปลูกมัลเบอร์รี่ ซึ่งคาดว่าจะมีแปลงปลูกมัลเบอร์รี่ ที่บ้านภักดีจำนวนไม่ต่ำกว่า 26 ไร่ ซึ่งในขั้นตอนแรกนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการทำแปลงปลูกสาธิตให้ชาวบ้านได้เข้ามาเรียนรู้ตั้งแต่การปลูก การเลี้ยงดู การเพาะพันธุ์กล้า ไปจนถึงการได้ผลผลิต และนำเอาผลมัลเบอร์รี่มาแปลงสภาพเป็นน้ำมันเบอร์รี่เพื่อจำหน่าย
“ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้รับการสนับสนุนต้นกล้าพันธุ์มัลเบอร์รี่จากแปลงสาธิต ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จ.นราธิวาส และได้นำเอาผลมัลเบอร์รี่ มาให้ชาวบ้านได้ทำการปรับผลผลิตเป็นน้ำมัลเบอร์รี่ และนำออกจำหน่ายในการออกงานนิทรรศการต่างๆ ในพื้นที่ และได้ผลตอบรับที่ดีมาก ทำให้ชาวบ้านเกิดความเชื่อมั่น และร่วมกันเข้ากลุ่มเพื่อดำเนินการเป็นพื้นที่นำร่องในการปลูกมัลเบอร์รี่ที่แรกของ จ.ยะลา” ร.ต.ท.ไพฑูรย์ ประดับศรี กล่าว
ด้าน นางจินดา ยันเสถียร ตัวแทนกลุ่มแม่บ้านก็กล่าวว่า ถือเป็นสิ่งที่ดีสำหรับการริเริ่มโครงการดังกล่าว เพราะสิ่งสำคัญคือ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างชาวบ้านด้วยกันเองในพื้นที่ ซึ่งชาวบ้านให้การตอบรับ และสนใจการปลูกมัลเบอร์รี่เป็นอย่างมาก
ขณะที่ นายทวีศักดิ์ หนูบังเกิด ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.5 บ้านภักดี ระบุว่า เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่จะทำสวนยางพารา เมื่อราคายางพาราลดลงก็ทำให้เกิดความเดือดร้อน หากจะไปปลูกพืชอย่างอื่นก็ต้องมีการลงทุนที่เยอะ แต่หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนได้ให้คำปรึกษา และนำเอาพืชมัลเบอร์รี่ เข้ามาทดลองปลูก และนำผลมาทดลองแปรรูปเป็นน้ำมัลเบอร์รี่ ทำให้ชาวบ้านเห็นผลคือ สามารถที่จะส่งจำหน่ายได้ และได้ราคาที่ดี และมีการสั่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชาวบ้านก็มีกำลังใจ และเริ่มดำเนินการที่จะปลูกพืชมัลเบอร์รี่กันแล้ว
ทั้งนี้ พืชมัลเบอร์รี่ที่นำมาปลูกในครั้งนี้ เป็นมัลเบอร์รี่พันธุ์เชียงใหม่ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จ.นราธิวาส โดยจะใช้ระยะเวลาในการปลูกจนกว่าจะได้ผลเต็มที่อย่างน้อย 8-12 เดือน หลังจากนั้น จะให้ผลอย่างต่อเนื่องทุกปี ผลผลิตที่ได้ทั้งผลสด และแปรรูปจะมีราคาที่สูงหากส่งขายตามท้องตลาด และทางกลุ่มชาวบ้านบ้านภักดีจะดำเนินการจัดทำกลุ่มเกษตรกร ในการรับซื้อกันเอง มาผลิตแปรรูป และส่งขายในอนาคต ซึ่งเป็นพื้นที่แรกของ จ.ยะลา ที่มีการปลูกมัลเบอร์รี่ และจะสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวบ้านให้ดีขึ้น