พัทลุง - ผู้ว่าฯ พัทลุง เรียกประชุมส่วนเกี่ยวข้องแก้ปัญหารุกป่าพรุ พบนกน้ำ สัตว์เลื้อยคลานบุกเข้าบ้านเรือนประชาชนหลังไม่มีป่าไร้ที่อยู่อาศัย วอน คสช.เร่งจัดการกลุ่มนายทุนอย่างจริงจัง
วันนี้ (12 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุง ว่า ที่ศาลากลางจังหวัดพัทลุง นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ กบร.จังหวัด ณ ห้องประชุมไพรวัลย์ ศาลากลางจังหวัดพัทลุง ชั้น 5 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบสงขลา นายอำเภอปากพะยูน เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพัทลุง กอ.รมน.จังหวัดพัทลุง เจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรรมชาติ เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมพัทลุง และอนุกรรมการ กบร.จังหวัดพัทลุง ร่วมประมาณ 30 คน
เพื่อประชุมหาทางออก และแก้ไขปัญหาการรุกป่าพรุในพื้นที่ ต.เกาะนางคำ อำเภอปากพะยูน ซึ่งเป็นป่าพรุฝืนสุดท้ายที่เป็นแหล่งทำรังวางไข่ของนกน้ำกว่า 51 ชนิด ที่ถูกนายทุนอ้างเอกสารสิทธิทำการปรับพื้นที่จนป่าเสม็ดขาวได้รับความเสียหาย
โดยสาระสำคัญผลการสรุปของการประชุมประกอบด้วย
1.ให้ตั้งคณะกรรมการร่วมฝ่ายปกครอง ที่ดินเขตห้ามล่า และส่วนเกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการออกเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. จำนวน 23 ฉบับ ให้แก่ นายเสถียร ไชยปุญโณ บ้านเลขที่ 22/1 ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อ 12 ต.ค.2537 โดยมี นายพิน อินทร์คง ปลัดอำเภอปากพะยูน รักษาการแทน นอภ.ปากพะยูน จ.พัทลุง เป็นผู้ลงลายมือชื่อออก น.ส.3 ก. มีนายชูชีพ ขวัญพัฒน์ ที่ดินอำเภอปากพะยูน เป็นผู้เซ็นอนุมัติในการออก น.ส.3 ก. ดังกล่าวในขณะนั้น
2.เชิญคู่กรณี นายเสถียร ไชยปุญโณ มาทำบันทึกข้อตกลงขอความร่วมมือให้ยุติดำเนินการต่อที่ดินดังกล่าวไว้ก่อน จนกว่าจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าได้มาโดยถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
3.รายงานผลการปฏิบัติตามข้อ 1 และข้อ 2 ให้ กอ.รมน.จังหวัดพัทลุง เพื่อให้ทราบอย่างต่อเนื่อง
4.ให้หน่วยรับผิดชอบ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบลงขลา ตรวจสอบเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก.ในพื้นที่ดังกล่าวของรายอื่นๆ อีกด้วยว่าออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบทางกฎหมายหรือไม่ แล้วให้เร่งดำเนินการในเร็ววัน
ขณะเดียวกัน ในพื้นที่ป่าพรุในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลหลวงพื้นที่ ม.3, 5, 7 ต.เกาะนางคำ ชาวบ้านระบุว่า ยังมีอีกหลายแปลงที่นายทุนเข้าไปรุกป่าพรุเป็นแปลงขนาดใหญ่ โดยเป็นของกลุ่มทุนนักการเมืองจากจังหวัดสงขลาเข้ามาปรับพื้นที่ป่าพรุ โดยการขุดยกคันร่องในพื้นที่ป่าเสม็ดขาว ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
โดยอ้างว่ามีเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. อีกหลายพันไร่ ซึ่งอยากให้เจ้าหน้าที่เร่งเข้าตรวจสอบ เพราะขณะนี้ตามแปลงที่ได้ปรับปลูกปาล์มไปก่อนหน้านี้ ได้ติดป้ายประกาศบุคคลภายนอกห้ามเข้า และบางแปลงประกาศขายแล้ว ซึ่งชาวบ้านไม่แน่ใจว่าเอกสารสิทธิที่ได้มานั้นถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
เวลาเดียวกัน ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ในพื้นที่บ้านเรือนประชาชนยามเย็น และยามค่ำคืนจะมีสัตว์เลื้อยคลานที่หนีออกมาจากป่าพรุที่ทางบริษัทนำรถแบ็กโฮไปขุดเพื่อปลูกปาล์ม เช่น ตะขวด ออกมาหลบซ่อนตามบ้านเรือนชาวบ้านเป็นจำนวนมากในช่วงนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อน จึงเป็นไปได้ว่าป่าพรุเสม็ดขาว เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์เหล่านี้ รวมทั้งนกน้ำอีกหลายชนิดด้วย
ชาวบ้านยังระบุอีกว่า หลังจากที่มีการนำเสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องหลายวันในการรุกป่าพรุ ต.เกาะนาง ของกลุ่มนายทุน มีข้าราชการระดับสูงในอำเภอปากพะยูน ออกมาต่อว่าชาวบ้านในพื้นที่ ว่าเหตุการณ์ออกเอกสารสิทธิในพื้นที่ป่าพรุในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบสงขลา มีการออกมาหลายปีแล้ว ชาวบ้านจะมาโวยวายอะไร ทำให้ข้าราชการในจังหวัดปวดหัวกันทั่วหน้า ซึ่งชาวบ้านบอกว่า ข้าราชการใหญ่ไม่น่าจะพูดแบบนี้ แทนที่จะมาร่วมกันช่วยแก้ปัญหาในการรุกป่า และทวงคืนฝืนป่าจากกลุ่มนายทุนกลับคืนมา
ด้าน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพัทลุง กล่าวต่อผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดพัทลุง ว่า อยากเรียกร้องไปยังรัฐบาล คสช.ในขณะนี้ ลงพื้นที่แก้ปัญหาการบุกรุกป่าพรุจากกลุ่มนายทุน หรือบริษัทอย่างเร่งด่วน เพราะการแก้ปัญหาในระดับพื้นที่ดูเหมือนจะล่าช้า ขั้นตอนการตรวจสอบยาวนาน กว่าเจ้าหน้าที่จะพิสูจน์สิทธิได้ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี
ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาที่คาราคาซัง เพราะเชื่อว่ารัฐบาล คสช.มีอำนาจเต็มมือ หากเวลาผ่านไปนานรัฐบาลที่ได้มาจากการเลือกตั้งนั้นยากที่จะแก้ปัญหาเรื่องที่ดินได้ เพราะที่ผ่านมาหลายรัฐบาลไม่สามารถยึดพื้นที่ป่าคืนจากนายทุนได้เท่าที่ควร ตนจึงอยากวอนให้รัฐบาล คสช. เร่งเอาจริงเอาจังต่อเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด