xs
xsm
sm
md
lg

แฉ “นายตำรวจ-นักการเมืองท้องถิ่น” ดูต้นทางนายทุนรุกที่พรุ “เกาะนางคำ” ผวจ.สั่งอายัดแล้ว (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


พัทลุง - ผู้ว่าฯ เมืองลุง ได้ฤกษ์ลงตรวจป่าพรุผืนสุดท้าย “เกาะนางคำ” หลังนายทุนบุกรุกเหี้ยนเตียนเกือบ 500 ไร่ ทั้งอ้างเอกสารสิทธิครอบครองที่เกือบ 1 พันไร่ สั่งอายัดพร้อมเพิกถอนเอกสารสิทธิหากได้มามิชอบ ชาวบ้านเซ็งมาช้าทั้งที่ร้องเรียนไปนานแล้ว เสียดายป่าเสม็ดขาวที่ทำรังนกน้ำอาจใช้เวลาฟื้นฟูนาน สลด! ลูกนกตกมาตายเกลื่อน แฉนายตำรวจระดับสารวัตรรวมหัวนักการเมืองท้องถิ่นอำนวยความสะดวกนำเครื่องจักรกลขนาดใหญ่เข้ามาไถป่า
 

 
วันนี้ (7 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ได้นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย หน.เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบสงขลา นายอำเภอปากพะยูน เจ้าหน้าที่ที่ดินปากพะยูน ผู้แทน กอ.รมน. จังหวัดพัทลุง และกองกำลังทหารช่างที่ 401 เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าตรวจสอบกรณีที่บริษัท ปาล์มไทยพัฒนา จำกัด โดยนายเสถียร ไชยปุญโญ เลขที่ 22/1 ต./อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ผู้อ้างสิทธิครอบครอง น.ส.3 ก. จำนวน 23 ฉบับ ที่เอกสารสิทธิ (น.ส.3 ก) เพื่อปลูกปาล์มน้ำมันในพื้นที่ ม.3 ต.เกาะนางคำ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง เนื้อที่ประมาณ 920 ไร่
 

 
ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า ทางจังหวัดปล่อยปละละเลยให้นายทุนรุกทำลายป่าพรุจนได้รับความเสียหายป่าเสื่อมสภาพ ลูกนกน้ำตัวอ่อนรังถูกทำลายจนตกลงมาตายจำนวนมากโดยชาวบ้านไม่กล้าเข้าไปถ่ายรูป เนื่องจากถูกข่มขู่ว่าจะแจ้งความฐานบุกรุก ชาวบ้านระบุว่า ทั้งที่ได้ร้องเรียนเรื่องนี้มาก่อนแล้วช่วงที่มีการบุกรุกใหม่ๆ แต่ทางราชการยังเพิกเฉย ปล่อยให้นายทุนอ้างเอกสารสิทธิในที่ดินแปลงดังกล่าว ซึ่งอาจได้เอกสารสิทธิมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีลักษณะเป็นป่าเสม็ดขาวที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีผลต่อระบบนิเวศในพื้นที่
 

 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากการลงพื้นที่ตรวจสอบ นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ได้ข้อสรุปขั้นต้นว่าพื้นที่ดังกล่าวน่าจะมีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ จึงดำเนินการดังนี้
 

 
1.ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เขตห้ามล่าฯ) ตรวจยึด อายัดที่ดินในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อตรวจสอบตามอำนาจของเจ้าพนักงานฯ ใช้เวลาประมาณ 30 วัน และอายัดต่ออีก 15 วัน หลังจากนั้น ต้องหาช่องทางอื่นอายัดต่อไปจนกว่าการดำเนินการตามกระบวนการพิสูจน์สิทธิจะเสร็จสิ้น 2.เสนอเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ กพร. เพื่อพิจารณาแก้ไข หากพบว่าได้เอกสารสิทธิมาโดยมิชอบก็เพิกถอนเอกสารสิทธิตามช่องทางกฎหมายปกติ 3.เสนอเรื่องให้หน่วยเหนือตามสายการบังคับบัญชาพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป
 

 
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีมาตรการของทางจังหวัดให้ดำเนินการตรวจสอบในกรณีนี้แล้ว แต่พบว่า ชาวบ้านในพื้นที่ระบุว่า หากทางผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.พัทลุง มีความตื่นตัวลงมาดูพื้นที่ป่าเสม็ดตั้งแต่แรกเริ่มตอนที่ชาวบ้านร้องเรียนไป ไม่ปล่อยให้เวลายืดเยื้อ ป่าเสม็ดขาวฝืนสุดท้ายของตำบลเกาะนางคำ อ.ปากพะยูน ก็คงจะไม่ถูกทำลายจนได้รับความเสียหายขนาดนี้ และหากสามารถเพิกถอนเอกสารสิทธิได้คงต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีกว่าจะฟื้นฟูป่าเสม็ดขาวให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง

นอกจากนี้ มีรายงานจากแหล่งข่าวชาวบ้านในพื้นที่ว่า ในส่วนของการดำเนินการนำรถแบ็กโฮ และเครื่องจักรกลขนาดใหญ่เข้ามาปรับพื้นที่ป่าพรุดังกล่าว พบว่า มีนายตำรวจระดับสารวัตร และนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่คอยอำนวยความสะดวก ทำให้ชาวบ้านไม่กล้าไปยุ่งเกี่ยวเพราะกลัวว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย
 
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น