กระบี่ - สมาคมคนไทยไร้ที่ดินทำกิน แห่ศพประท้วงรอบเมือง หลังสมาชิกถูกยิงเสียชีวิต เชื่อเป็นผีมือของกลุ่มนายทุนที่เสียผลประโยชน์จากการยึดสวนปาล์มที่กระบี่
เมื่อเวลา 11.00น.วันนี้ (4 ส.ค.) ชาวบ้านในนามกลุ่มภาคีเครือข่ายเกษตรกรไร้ที่ดินทำกิน และสมาคมคนไทยไร้ที่ดินทำกิน กว่า 500 คน ได้นำศพ นายอนันต์ เพชรรัตน์ อายุ 34 ปี หนึ่งในสมาชิกสมาคมคนไทยไร้ที่ดินทำกิน ที่ถูกกลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธสงครามยิงถล่มเสียชีวิตภายในสวนปาล์มน้ำมันของบริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มจำกัด ม.4 ต.กระบี่น้อย อ.เมืองกระบี่ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ใส่โลงศพตั้งบนรถบรรทุกพร้อมแห่ไปรอบเมืองกระบี่ ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนมารวมตัวชุมนุมที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดกระบี่
เพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ เร่งจับกุมตัวกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว เนื่องจากไม่มั่นใจในความปลอดภัย พร้อมเรียกร้องให้ทางจังหวัดดำเนินการตรวจสอบกลุ่มนายทุนที่ยังคงครอบครองสวนปาล์มขาดอายุสัมปทาน รวมทั้งที่ดินอื่นๆ ของรัฐ เพื่อนำที่ดินมาจัดสรรให้คนยากจน โดย นายชูวงศ์ มณีกุล แกนนำ และเป็นทนายความกลุ่มภาคีเครือข่ายเกษตรกรไร้ที่ดินทำกิน เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตได้ร่วมเข้ายึดสวนปาล์มน้ำมันของ เอกชนเพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐตรวจสอบ และยกเลิกเอกสารสิทธิครอบครอง เป็น ส.ป.ก.4-01 จำนวน 109 แปลง พื้นที่ 4,998 ไร่
หลังตรวจสอบพบว่า เอกชนใช้คนงาน ลูกจ้างถือครองแทน ทำให้สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรจังหวัดกระบี่ เพิกถอนเอกสารสิทธิเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทำให้เอกชนเสียผลประโยชน์ โดย มีแกนนำชาวบ้าน ผู้เรียกร้องที่ดินทำกินถูกยิงเสียชีวิต บาดเจ็บมาแล้วกว่า 10 คน แต่เจ้าหน้าที่ ไม่สามารถจับคนร้ายกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีได้ และเชื่อว่าผู้ที่ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้เป็นกลุ่มนายทุนที่เสียผลประโยชน์อย่างแน่นอน เพราะมีการลงมือยิงอย่างอุกอาจโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย
ต่อมา พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองกระบี่ ได้มารับหนังสือร้องเรียน พร้อมเปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขอออกหมายคนร้ายแล้ว 1 ราย ซึ่งกำลังรอการอนุมัติของศาล ที่เหลืออยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับเพิ่มเติม หากว่าผู้หนึ่งผู้ใดที่อยู่ในเหตุการณ์ก็สามารถมาให้หลักฐานเพิ่มเติมต่อเจ้าหน้าที่ได้
ขณะที่กลุ่มมวลชนยังคงปักหลักชุมนุมประท้วงต่อเนื่อง โดยแกนนำใช้เครื่องขยายเสียงปราศรัยโจมตีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องที่ดำเนินการล่าช้า และเกิดคดีหลายครั้งแต่ไม่สามารถจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี โดยจะมีการกางเต็นท์ปักหลักชุมนุมยืดเยื้อจนกว่าจะเจ้าหน้าที่จะมีการนำหลักฐานการออกหมายจับกุมคนร้ายมาได้ เพราะที่ผ่านมา คดีต่างๆ ไม่คืบหน้าแต่อย่างใด
เมื่อเวลา 11.00น.วันนี้ (4 ส.ค.) ชาวบ้านในนามกลุ่มภาคีเครือข่ายเกษตรกรไร้ที่ดินทำกิน และสมาคมคนไทยไร้ที่ดินทำกิน กว่า 500 คน ได้นำศพ นายอนันต์ เพชรรัตน์ อายุ 34 ปี หนึ่งในสมาชิกสมาคมคนไทยไร้ที่ดินทำกิน ที่ถูกกลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธสงครามยิงถล่มเสียชีวิตภายในสวนปาล์มน้ำมันของบริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มจำกัด ม.4 ต.กระบี่น้อย อ.เมืองกระบี่ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ใส่โลงศพตั้งบนรถบรรทุกพร้อมแห่ไปรอบเมืองกระบี่ ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนมารวมตัวชุมนุมที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดกระบี่
เพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ เร่งจับกุมตัวกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว เนื่องจากไม่มั่นใจในความปลอดภัย พร้อมเรียกร้องให้ทางจังหวัดดำเนินการตรวจสอบกลุ่มนายทุนที่ยังคงครอบครองสวนปาล์มขาดอายุสัมปทาน รวมทั้งที่ดินอื่นๆ ของรัฐ เพื่อนำที่ดินมาจัดสรรให้คนยากจน โดย นายชูวงศ์ มณีกุล แกนนำ และเป็นทนายความกลุ่มภาคีเครือข่ายเกษตรกรไร้ที่ดินทำกิน เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตได้ร่วมเข้ายึดสวนปาล์มน้ำมันของ เอกชนเพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐตรวจสอบ และยกเลิกเอกสารสิทธิครอบครอง เป็น ส.ป.ก.4-01 จำนวน 109 แปลง พื้นที่ 4,998 ไร่
หลังตรวจสอบพบว่า เอกชนใช้คนงาน ลูกจ้างถือครองแทน ทำให้สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรจังหวัดกระบี่ เพิกถอนเอกสารสิทธิเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทำให้เอกชนเสียผลประโยชน์ โดย มีแกนนำชาวบ้าน ผู้เรียกร้องที่ดินทำกินถูกยิงเสียชีวิต บาดเจ็บมาแล้วกว่า 10 คน แต่เจ้าหน้าที่ ไม่สามารถจับคนร้ายกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีได้ และเชื่อว่าผู้ที่ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้เป็นกลุ่มนายทุนที่เสียผลประโยชน์อย่างแน่นอน เพราะมีการลงมือยิงอย่างอุกอาจโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย
ต่อมา พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองกระบี่ ได้มารับหนังสือร้องเรียน พร้อมเปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขอออกหมายคนร้ายแล้ว 1 ราย ซึ่งกำลังรอการอนุมัติของศาล ที่เหลืออยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับเพิ่มเติม หากว่าผู้หนึ่งผู้ใดที่อยู่ในเหตุการณ์ก็สามารถมาให้หลักฐานเพิ่มเติมต่อเจ้าหน้าที่ได้
ขณะที่กลุ่มมวลชนยังคงปักหลักชุมนุมประท้วงต่อเนื่อง โดยแกนนำใช้เครื่องขยายเสียงปราศรัยโจมตีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องที่ดำเนินการล่าช้า และเกิดคดีหลายครั้งแต่ไม่สามารถจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี โดยจะมีการกางเต็นท์ปักหลักชุมนุมยืดเยื้อจนกว่าจะเจ้าหน้าที่จะมีการนำหลักฐานการออกหมายจับกุมคนร้ายมาได้ เพราะที่ผ่านมา คดีต่างๆ ไม่คืบหน้าแต่อย่างใด