ศูนย์ข่าวภูเก็ต - หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต วอนรัฐบาลใช้มาตรา 44 จัดการปัญหาการออกเอกสารสิทธิในพื้นที่อุทยานฯ เพื่อจัดการให้ผู้กระทำความผิดเกรงกลัว ขณะที่ผลการดำเนินการมีการเสนอเพิกถอนไปแล้วหลายแปลง พบมีมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท ขณะที่ ผอ.สำนักอุทยานฯ ระบุ ส.ค.1 ที่ใช้ออกเอกสารสิทธิในเขตอุทยานแห่งชิติสิรินาถส่วนใหญ่เป็น ส.ค.1บิน เพราะที่ผ่านมา ยกเลิกไปเกือบหมดแล้ว
วันนี้ (28 พ.ค.) นายสมัคร ดอนนาปี ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และ นายกิติพัฒน์ ธาราภิบาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต ได้บรรยายสรุปถึงผลการดำเนินการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิที่ดินในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จังหวัดภูเก็ต ให้แก่เจ้าหน้าที่จากสำนักงาน ป.ป.ช. และผู้สื่อข่าวได้รับทราบถึงความคืบหน้าในการดำเนินงาน รวมทั้งปัญหาอุปสรรค และแนวทางการแก้ไขปัญหา ซึ่งจัดให้มีการบรรยายขึ้นที่ห้องประชุมอุทยานแห่งชาติสิรินาถภูเก็ต
โดย นายกิติพัฒน์ ธาราภิบาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต กล่าวว่า ปัญหาการบุกรุกออกเอกสารสิทธิที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถนั้นมีมานานแล้ว และที่ผ่านมา ในการตรวจสอบ และแก้ไขปัญหา รวมทั้งเพื่อทวงคืนผืนป่ากลับมาเป็นของชาติ ทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานลงมาจำนวนหลายชุด โดยมีการจัดตั้งเป็นศูนย์อำนวยการและแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบเอกสารสิทธิและปราบปรามการบุกรุกถือครองที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อดำเนินการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิที่ดินในเขตอุทยาน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีการแปลงที่ดินที่มีการออกเอกสารสิทธิทับซ้อนที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จำนวน 815 แปลง เนื้อที่ 4,346 -0-70.04 ไร่ แย่งเป็น 4 กลุ่ม
ประกอบด้วย 1.แปลงที่ดินที่ได้สาระบบที่ดินแล้ว นวน 398 แปลง เนื้อที่ 1,259-1992.53 ไร่ 2.แปลงที่ดินที่ยังไม่ได้รับสาระบบที่ดินจำนวน 332 แปลง เนื้อที่ 1,701-1-52.70 ไร่ 3.แปลงที่กำลังดำเนินการขอเอกสารสิทธิตั้งแต่ปี 25555-30 มี.ค.2557 จำนวน 73 แปลง เนื้อที่720-2-69.25 ไร่ และ 4.แปลงที่ดินของรัฐใช้ประโยชน์ จำนวน 12 แปลง เนื้อที่ 664-2 -55.56 ไร่
นายกิติพัฒน์ ยังได้กล่าวต่อไปถึงผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ระหว่างปี 2555-30 มี.ค.2557 ปรากฏว่า ทางกรมอุทยานฯ ได้มีการตรวจสอบการออกเอสารสิทธิที่ดินในเขตอุทยานไม่ถูกต้อง และมีการส่งเรื่องให้อัยการเพื่อส่งฟ้องศาล และแจ้งกรมที่ดินเพื่อให้มีการเพิกถอนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน จำนวน 4 แปลง ประกอบด้วย แปลง น.ส.3 ก. 984 แปลงที่ 2 น.ส.3 ก. เลขที่ 1330 แปลงที่ 3 น.ส.3 ก.เลขที่ 1448 และ น ส.3 ก.เลขที่ 1449
นอกจากนั้น จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า มีที่ดินที่กำลังอยู่ระหว่างการขอออกโฉนดที่ดิน จำนวน 5 แปลง และได้มีการแจ้งไปยังสำนักที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง ให้ยกเลิกคำขอออกโฉนด จำนวน 5 ราย 6 แปลง พื้นที่ 429 -0-81.50 ไร่ ตามหนังสือสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ประกอบด้วย ส.ค.1 เลขที่ 32 ม. 2 ต.สาคู, ส.ค.1 เลขที่ 23 ม.2 ต.สาคู, ส.ค.1 เลขที่ 110 ม.4 ต.สาคู, ส.ค.1 เลขที่ 44 ม.2 ต.สาคู และ ส.ค.1 เลขที่ 45 ม.2 ต.สาคู และจากการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิที่ดินนั้นส่งผลให้ทางกรมที่ดินมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน จำนวน 7 คำสั่ง น.ส.3 ก. จำนวน 18 แปลง เนื้อที่ 93 -2-10 ไร่ โฉนดที่ดิน จำนวน 16 แปลง เนื้อที่ 280-3-70.3 ไร่
อย่างไรก็ตาม สำหรับแปลงที่ดินที่มีการตรวจสอบแล้ว และมีความเห็นให้กรมอุทยานแจ้งกรมที่ดินเพื่อเพิกถอนที่ดินตามมาตร 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน มีจำนวน 16 แปลง เนื้อที่ 244-2-79.5 ไร่ ประกอบด้วย น.ส.3 ก.เลขที่ 3283, โฉนดที่ดินเลขที่ 6289, โฉนดที่ดินเลขที่ 24872, โฉนดที่ดินเลขที่ 25032, โฉนดที่ดินเลขที่ 25109, โฉนดที่ดินเลขที่ 40378, โฉนดที่ดินเลขที่ 47182, น.ส.3 ก. เลขที่ 49, น.ส.3 ก. เลขที่ 924, น.ส.3 ก. เลขที่ 963, น.ส.3 ก. เลขที่ 969, โฉนดที่ดินเลขที่ 20777, โฉนดเลขที่ 42053 และโฉนดเลขที่ 42054 นอกจากนั้น ยังมีแปลงที่ดินที่มีการตรวจสอบแล้ว และมีความเห็นให้กรมอุทยานฯ แจ้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง จำนวน 48 แปลง
นายกิติพัฒน์ ยังได้กล่าวอีกว่า แม้ว่าจะมีการตรวจสอบมาอย่างต่อเนื่อง แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ยังลงพื้นที่สำรวจภาคสนามอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการสำรวจพบว่า มีการพัฒนาโครงการแล้ว เช่น มีการปรับถมพื้นที่มีอาคารสิ่งปลูกสร้าง และอยู่ระหว่างกำลังก่อสร้าง จำนวน 313 แปลง เนื้อที่ 1,074-1-84.73 ไร่ ส่วนมูลค่าความเสียหายจากกรณีมีการบุกรุกครอบครอง และออกเอกสารสิทธิที่ดินในพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถนั้น พบว่า พื้นที่ที่มีความเสียหาย และมีผลการตรวจสอบชัดเจน จำนวน 1,035 ไร่ มูลค่าความเสียหายเป็นตัวเงินไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท
“อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินการนั้นพบอุปสรรคปัญหามากมาย โดยเฉพาะเรื่องข้อมูลของสารบบที่ยังไม่ได้รับข้อมูลการแจ้งครอบครองสำเนา ส.ค.1 ที่ออกครอบคลุม 3 ตำบล รวมทั้งเลขทะเบียนที่แจ้งครอบครอง นอกจากนั้น ยังมีปัญหาเรื่องของการทำรูปแปลงแผ่นที่ จำนวน 147 แปลง จะต้องมาลงตำแหน่งที่ดินเอง และที่สำคัญคดีที่มีการแจ้งความดำเนินคดีแล้วไม่มีความคืบหน้า รวมทั้งเรื่องการเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ออกไม่ถูกต้อง ซึ่งเรื่องนี้ทางอุทยานต้องการที่จะนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา ด้วยการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ผู้กระทำความผิดเกิดความเกรงกลัว ส่วนการเสนอเพิกถอนที่ดินตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และการดำเนินการต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดล่าช้า ทางรัฐบาลควรจะบังตับใช้มาตร 44 มาจัดการต่อปัญหาเหล่านี้ และอีกปัญหาที่ควรจะได้รับการแก้ไขคือ ปัญหาเรื่องการเปลี่ยนมือ ซึ่งขณะนี้พบว่ายังมีการเปลี่ยนมือเกิดขึ้นต่อเนื่อง อย่างให้มีการป้องกันเรื่องนี้โดยด่วนเช่นกัน”
ขณะที่ นายสมัคร กล่าวว่า มั่นใจว่าการออกเอกสารสิทธิที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถนั้นมีการใช้เอกสาร ส.ค.1 บิน มาเกือบทั้งหมด เพราะก่อนนี้มีมีการยกเลิกการใช้ ส.ค.1 และจ่ายเงินชดเชยกันไปแล้ว มีเหลือเพียง 2 แปลงเท่านั้นที่ไม่รับเงินชดเชย และมีการขอออกเอกสารสิทธิไปแล้ว จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่าง ป.ป.ช.เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ ซึ่งเร็วๆ นี้ตนจะรวบรวมรายละเอียดเพิ่มเติมไปยื่นต่อ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการต่อคนผิดไห้ได้
วันนี้ (28 พ.ค.) นายสมัคร ดอนนาปี ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และ นายกิติพัฒน์ ธาราภิบาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต ได้บรรยายสรุปถึงผลการดำเนินการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิที่ดินในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จังหวัดภูเก็ต ให้แก่เจ้าหน้าที่จากสำนักงาน ป.ป.ช. และผู้สื่อข่าวได้รับทราบถึงความคืบหน้าในการดำเนินงาน รวมทั้งปัญหาอุปสรรค และแนวทางการแก้ไขปัญหา ซึ่งจัดให้มีการบรรยายขึ้นที่ห้องประชุมอุทยานแห่งชาติสิรินาถภูเก็ต
โดย นายกิติพัฒน์ ธาราภิบาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต กล่าวว่า ปัญหาการบุกรุกออกเอกสารสิทธิที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถนั้นมีมานานแล้ว และที่ผ่านมา ในการตรวจสอบ และแก้ไขปัญหา รวมทั้งเพื่อทวงคืนผืนป่ากลับมาเป็นของชาติ ทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานลงมาจำนวนหลายชุด โดยมีการจัดตั้งเป็นศูนย์อำนวยการและแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบเอกสารสิทธิและปราบปรามการบุกรุกถือครองที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อดำเนินการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิที่ดินในเขตอุทยาน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีการแปลงที่ดินที่มีการออกเอกสารสิทธิทับซ้อนที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จำนวน 815 แปลง เนื้อที่ 4,346 -0-70.04 ไร่ แย่งเป็น 4 กลุ่ม
ประกอบด้วย 1.แปลงที่ดินที่ได้สาระบบที่ดินแล้ว นวน 398 แปลง เนื้อที่ 1,259-1992.53 ไร่ 2.แปลงที่ดินที่ยังไม่ได้รับสาระบบที่ดินจำนวน 332 แปลง เนื้อที่ 1,701-1-52.70 ไร่ 3.แปลงที่กำลังดำเนินการขอเอกสารสิทธิตั้งแต่ปี 25555-30 มี.ค.2557 จำนวน 73 แปลง เนื้อที่720-2-69.25 ไร่ และ 4.แปลงที่ดินของรัฐใช้ประโยชน์ จำนวน 12 แปลง เนื้อที่ 664-2 -55.56 ไร่
นายกิติพัฒน์ ยังได้กล่าวต่อไปถึงผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ระหว่างปี 2555-30 มี.ค.2557 ปรากฏว่า ทางกรมอุทยานฯ ได้มีการตรวจสอบการออกเอสารสิทธิที่ดินในเขตอุทยานไม่ถูกต้อง และมีการส่งเรื่องให้อัยการเพื่อส่งฟ้องศาล และแจ้งกรมที่ดินเพื่อให้มีการเพิกถอนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน จำนวน 4 แปลง ประกอบด้วย แปลง น.ส.3 ก. 984 แปลงที่ 2 น.ส.3 ก. เลขที่ 1330 แปลงที่ 3 น.ส.3 ก.เลขที่ 1448 และ น ส.3 ก.เลขที่ 1449
นอกจากนั้น จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า มีที่ดินที่กำลังอยู่ระหว่างการขอออกโฉนดที่ดิน จำนวน 5 แปลง และได้มีการแจ้งไปยังสำนักที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง ให้ยกเลิกคำขอออกโฉนด จำนวน 5 ราย 6 แปลง พื้นที่ 429 -0-81.50 ไร่ ตามหนังสือสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ประกอบด้วย ส.ค.1 เลขที่ 32 ม. 2 ต.สาคู, ส.ค.1 เลขที่ 23 ม.2 ต.สาคู, ส.ค.1 เลขที่ 110 ม.4 ต.สาคู, ส.ค.1 เลขที่ 44 ม.2 ต.สาคู และ ส.ค.1 เลขที่ 45 ม.2 ต.สาคู และจากการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิที่ดินนั้นส่งผลให้ทางกรมที่ดินมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน จำนวน 7 คำสั่ง น.ส.3 ก. จำนวน 18 แปลง เนื้อที่ 93 -2-10 ไร่ โฉนดที่ดิน จำนวน 16 แปลง เนื้อที่ 280-3-70.3 ไร่
อย่างไรก็ตาม สำหรับแปลงที่ดินที่มีการตรวจสอบแล้ว และมีความเห็นให้กรมอุทยานแจ้งกรมที่ดินเพื่อเพิกถอนที่ดินตามมาตร 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน มีจำนวน 16 แปลง เนื้อที่ 244-2-79.5 ไร่ ประกอบด้วย น.ส.3 ก.เลขที่ 3283, โฉนดที่ดินเลขที่ 6289, โฉนดที่ดินเลขที่ 24872, โฉนดที่ดินเลขที่ 25032, โฉนดที่ดินเลขที่ 25109, โฉนดที่ดินเลขที่ 40378, โฉนดที่ดินเลขที่ 47182, น.ส.3 ก. เลขที่ 49, น.ส.3 ก. เลขที่ 924, น.ส.3 ก. เลขที่ 963, น.ส.3 ก. เลขที่ 969, โฉนดที่ดินเลขที่ 20777, โฉนดเลขที่ 42053 และโฉนดเลขที่ 42054 นอกจากนั้น ยังมีแปลงที่ดินที่มีการตรวจสอบแล้ว และมีความเห็นให้กรมอุทยานฯ แจ้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง จำนวน 48 แปลง
นายกิติพัฒน์ ยังได้กล่าวอีกว่า แม้ว่าจะมีการตรวจสอบมาอย่างต่อเนื่อง แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ยังลงพื้นที่สำรวจภาคสนามอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการสำรวจพบว่า มีการพัฒนาโครงการแล้ว เช่น มีการปรับถมพื้นที่มีอาคารสิ่งปลูกสร้าง และอยู่ระหว่างกำลังก่อสร้าง จำนวน 313 แปลง เนื้อที่ 1,074-1-84.73 ไร่ ส่วนมูลค่าความเสียหายจากกรณีมีการบุกรุกครอบครอง และออกเอกสารสิทธิที่ดินในพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถนั้น พบว่า พื้นที่ที่มีความเสียหาย และมีผลการตรวจสอบชัดเจน จำนวน 1,035 ไร่ มูลค่าความเสียหายเป็นตัวเงินไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท
“อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินการนั้นพบอุปสรรคปัญหามากมาย โดยเฉพาะเรื่องข้อมูลของสารบบที่ยังไม่ได้รับข้อมูลการแจ้งครอบครองสำเนา ส.ค.1 ที่ออกครอบคลุม 3 ตำบล รวมทั้งเลขทะเบียนที่แจ้งครอบครอง นอกจากนั้น ยังมีปัญหาเรื่องของการทำรูปแปลงแผ่นที่ จำนวน 147 แปลง จะต้องมาลงตำแหน่งที่ดินเอง และที่สำคัญคดีที่มีการแจ้งความดำเนินคดีแล้วไม่มีความคืบหน้า รวมทั้งเรื่องการเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ออกไม่ถูกต้อง ซึ่งเรื่องนี้ทางอุทยานต้องการที่จะนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา ด้วยการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ผู้กระทำความผิดเกิดความเกรงกลัว ส่วนการเสนอเพิกถอนที่ดินตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และการดำเนินการต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดล่าช้า ทางรัฐบาลควรจะบังตับใช้มาตร 44 มาจัดการต่อปัญหาเหล่านี้ และอีกปัญหาที่ควรจะได้รับการแก้ไขคือ ปัญหาเรื่องการเปลี่ยนมือ ซึ่งขณะนี้พบว่ายังมีการเปลี่ยนมือเกิดขึ้นต่อเนื่อง อย่างให้มีการป้องกันเรื่องนี้โดยด่วนเช่นกัน”
ขณะที่ นายสมัคร กล่าวว่า มั่นใจว่าการออกเอกสารสิทธิที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถนั้นมีการใช้เอกสาร ส.ค.1 บิน มาเกือบทั้งหมด เพราะก่อนนี้มีมีการยกเลิกการใช้ ส.ค.1 และจ่ายเงินชดเชยกันไปแล้ว มีเหลือเพียง 2 แปลงเท่านั้นที่ไม่รับเงินชดเชย และมีการขอออกเอกสารสิทธิไปแล้ว จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่าง ป.ป.ช.เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ ซึ่งเร็วๆ นี้ตนจะรวบรวมรายละเอียดเพิ่มเติมไปยื่นต่อ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการต่อคนผิดไห้ได้
