ชุมพร - สองหนุ่มใหญ่ขับรถจักรยานยนต์ชนท้ายรถสิบล้อบรรทุกแป้งมันจอดข้างทางที่ชุมพร ดับอนาถทั้งคู่
เมื่อเวลา 22.15 น. วานนี้ (27 ก.ค.) ร.ต.ท.สันติ มณีรัตน์ พงส.สภ.เมืองชุมพร รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนท้ายรถบรรทุกสิบล้อมีผู้เสียชีวิต 2 ราย บนถนนเอเชีย 41 หมู่ 1 ตำบลขุนกระทิง อ.เมืองจ.ชุมพร จึงไปตรวจสอบ พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยสายชลมูลนิธิชุมพร แพทย์เวรโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์
จุดเกิดเหตุบนถนนช่องทางขาล่องใต้ซึ่งเป็นทางตรง มีแสงไฟฟ้าเห็นสลัวๆ อยู่ใกล้กับร้านค้าอาคารพาณิชย์หลายคูหา บริเวณข้างทางพบรถบรรทุกสิบล้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน 81-4194 สุราษฎร์ธานี ด้านหน้ารถเขียนว่า “จิรเดชค้าของเก่า” จอดกะพริบไฟอยู่บนไหลทาง แต่ล้อหน้าและล้อหลังด้านขวาของรถสิบล้อทับอยู่บนเส้นขาวขอบทาง และล้ำออกมาในช่องทางสัญจรเล็กน้อย ส่วนที่ท้ายรถสิบล้อด้านขวา มีรถจักรยานยนต์ฮอนด้า สีแดง ทะเบียน คกก 812 สงขลา ชนมุดอยู่ใต้ท้องรถสภาพพังยับเยิน มีผู้เสียชีวิตที่เกิดเหตุ 2 ราย
ทราบชื่อคนขับรถจักรยานยนต์คือ นายคำศรี เพชรไพร อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 149 หมู่ 6 ตำบลสำราญ อ.สามชัย จ.กาฬสินธุ์ สภาพศพนุ่งกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสายสกอตสีแดง-เหลือง ขาทั้ง 2 ข้างยังพาดอยู่บนรถจักรยานยนต์ ส่วนลำตัวนอนอยู่บนพื้นถนน ใกล้กันมีผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย เป็นคนนั่งซ้อนท้าย ทราบชื่อคือ นายประสิทธิ์ กุดวงแก้ว อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 104 หมู่ 6 ตำบลสำราญ อ.สามชัย จ.กาฬสินธุ์ สภาพศพนุ่งกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน ใส่เสื้อยืดคอปกแขนสั้นสีน้ำเงิน นอนเสียชีวิตอยู่บนถนน ศพทั้ง 2 ราย มีบาดแผลเหวอะหวะฉกรรจ์ที่ใบหน้า และตามตัวหลายแห่ง
ส่วนคนขับรถสิบล้อยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่ที่เกิดเหตุ ทราบชื่อคือ นายภวัต กุยุคำ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 152 หมู่ 6 ตำบลกำเนิดนพคุณ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตำรวจสอบสวนทราบว่าได้ขับรถสิบล้อบรรทุกแป้งมันมาจากกรุงเทพมหานคร ไปส่งให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อมาถึงที่จุดเกิดเหตุตนได้เปิดไฟเลี้ยวเข้าจอดที่บนไหล่ทางแล้วเปิดสัญญาณไฟสีเหลืองกะพริบให้เห็นเป็นสัญลักษณ์ แล้วเดินลงจากรถใช้เหล็กแป๊บเคาะล้อเพื่อเช็กลมยาง ขณะจอดได้ไม่ถึง 5 นาที ได้มีรถจักรยานยนต์ขับมาด้วยความเร็วพุ่งชนมุดเข้าไปที่ท้ายรถด้านขวาเข้าอย่างจังจนเป็นเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 รายดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากเป็นคำให้การฝ่ายเดียว ต้องสอบสวนพยานแวดล้อม และผู้เห็นเหตุการณ์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้งต่อไป
เมื่อเวลา 22.15 น. วานนี้ (27 ก.ค.) ร.ต.ท.สันติ มณีรัตน์ พงส.สภ.เมืองชุมพร รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนท้ายรถบรรทุกสิบล้อมีผู้เสียชีวิต 2 ราย บนถนนเอเชีย 41 หมู่ 1 ตำบลขุนกระทิง อ.เมืองจ.ชุมพร จึงไปตรวจสอบ พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยสายชลมูลนิธิชุมพร แพทย์เวรโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์
จุดเกิดเหตุบนถนนช่องทางขาล่องใต้ซึ่งเป็นทางตรง มีแสงไฟฟ้าเห็นสลัวๆ อยู่ใกล้กับร้านค้าอาคารพาณิชย์หลายคูหา บริเวณข้างทางพบรถบรรทุกสิบล้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน 81-4194 สุราษฎร์ธานี ด้านหน้ารถเขียนว่า “จิรเดชค้าของเก่า” จอดกะพริบไฟอยู่บนไหลทาง แต่ล้อหน้าและล้อหลังด้านขวาของรถสิบล้อทับอยู่บนเส้นขาวขอบทาง และล้ำออกมาในช่องทางสัญจรเล็กน้อย ส่วนที่ท้ายรถสิบล้อด้านขวา มีรถจักรยานยนต์ฮอนด้า สีแดง ทะเบียน คกก 812 สงขลา ชนมุดอยู่ใต้ท้องรถสภาพพังยับเยิน มีผู้เสียชีวิตที่เกิดเหตุ 2 ราย
ทราบชื่อคนขับรถจักรยานยนต์คือ นายคำศรี เพชรไพร อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 149 หมู่ 6 ตำบลสำราญ อ.สามชัย จ.กาฬสินธุ์ สภาพศพนุ่งกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสายสกอตสีแดง-เหลือง ขาทั้ง 2 ข้างยังพาดอยู่บนรถจักรยานยนต์ ส่วนลำตัวนอนอยู่บนพื้นถนน ใกล้กันมีผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย เป็นคนนั่งซ้อนท้าย ทราบชื่อคือ นายประสิทธิ์ กุดวงแก้ว อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 104 หมู่ 6 ตำบลสำราญ อ.สามชัย จ.กาฬสินธุ์ สภาพศพนุ่งกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน ใส่เสื้อยืดคอปกแขนสั้นสีน้ำเงิน นอนเสียชีวิตอยู่บนถนน ศพทั้ง 2 ราย มีบาดแผลเหวอะหวะฉกรรจ์ที่ใบหน้า และตามตัวหลายแห่ง
ส่วนคนขับรถสิบล้อยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่ที่เกิดเหตุ ทราบชื่อคือ นายภวัต กุยุคำ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 152 หมู่ 6 ตำบลกำเนิดนพคุณ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตำรวจสอบสวนทราบว่าได้ขับรถสิบล้อบรรทุกแป้งมันมาจากกรุงเทพมหานคร ไปส่งให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อมาถึงที่จุดเกิดเหตุตนได้เปิดไฟเลี้ยวเข้าจอดที่บนไหล่ทางแล้วเปิดสัญญาณไฟสีเหลืองกะพริบให้เห็นเป็นสัญลักษณ์ แล้วเดินลงจากรถใช้เหล็กแป๊บเคาะล้อเพื่อเช็กลมยาง ขณะจอดได้ไม่ถึง 5 นาที ได้มีรถจักรยานยนต์ขับมาด้วยความเร็วพุ่งชนมุดเข้าไปที่ท้ายรถด้านขวาเข้าอย่างจังจนเป็นเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 รายดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากเป็นคำให้การฝ่ายเดียว ต้องสอบสวนพยานแวดล้อม และผู้เห็นเหตุการณ์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้งต่อไป