ยะลา - ชมรมผู้ค้าน้ำมัน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ออกแถลงการณ์คัดค้านไม่เห็นด้วยกรณี อบจ.เก็บภาษีน้ำมันอย่างไม่เป็นธรรม ขู่ปิดปั๊มน้ำมันทั่ว 3 จังหวัด ในวันจันทร์ที่ 13 ก.ค.นี้หากยังไม่รับฟัง
วันนี้ (11 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงแรมยะลารามา อ.เมือง จ.ยะลา น.ส.สมหญิง ชัยรัตนมโนกร ประธานชมรมน้ำมันยะลา นายวิโรจน์ รตะไพบูลย์ ประธานชมรมน้ำมันปัตตานี และนายศุภภณ ปานแย้ม ประธานชมรมน้ำมันนราธิวาส ได้ร่วมกันอ่านแถลงการณ์กรณีคัดค้านไม่เห็นด้วยที่ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเก็บภาษีโดยมีข้อความว่า
เรียนพี่น้องประชาชนชาว 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เคารพ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2557 ที่ผ่านมา องค์การบริหารส่วนจังหวัดทั้ง 3 จังหวัด ได้ออกข้อบัญญัติเกี่ยวกับการค้าน้ำมันและก๊าซปิโตรเลียมที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ เพื่อเก็บภาษีจากปั๊มน้ำมันทุกปั๊มใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยให้ปั๊มน้ำมันบวกราคาขายหน้าปั๊มอีก 5 สตางค์ เป็นค่าภาษีส่งให้แก่ อบจ.ทำให้ราคาน้ำมันหน้าปั๊มใน 3 จังหวัดแพงขึ้นกว่าเดิม
การเก็บภาษีน้ำมันตามข้อบัญญัติ อบจ.ฉบับนี้ กฎหมายให้อำนาจ นายก อบจ. แต่ละจังหวัด สามารถใช้ดุลพินิจว่าจะเก็บภาษีหรือไม่ ถ้าหากเห็นว่าวิธีการเก็บภาษีมีปัญหา หรือเห็นว่าในจังหวัดของตนเองยังไม่พร้อมก็สามารถชะลอการเก็บออกไปได้ เพราะภาษีนี้เป็นภาษีท้องถิ่น ไม่เหมือนกับภาษีสรรพากร ภาษีสรรพสามิต ที่เป็นอำนาจจากส่วนกลาง เมื่อชมรมชี้แจงเหตุผลที่ชมรมฯ คัดค้านภาษีนี้ และเสนอแนะวิธีการจัดเก็บใหม่ นายก อบจ.แต่ละจังหวัดก็สามารถใช้อำนาจในการชะลอการเก็บภาษีนี้ออกไปก่อนจนกว่าจะหาข้อยุติร่วมกันได้
ชมรมผู้ค้าน้ำมัน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ไม่ได้คัดค้านการเก็บภาษีของ อบจ.และให้ความสำคัญต่อการจัดเก็บภาษีของทุกหน่วยงานว่ามีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ แต่คัดค้านวิธีการจัดเก็บภาษีของ อบจ.ที่เก็บแต่เฉพาะผู้ใช้น้ำมันรายย่อยที่ซื้อน้ำมันผ่านปั๊ม แต่ไม่ได้เก็บจากผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่ที่ซื้อน้ำมันผ่านคลังน้ำมัน และใช้น้ำมันในปริมาณมากๆ เช่น บริษัทก่อสร้าง บริษัทขนส่ง โรงโม่หิน โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น
หากการเก็บภาษีกระจายทั่วถึงทุกกลุ่มทำให้ฐานการเก็บภาษีกว้าง แม้จะเก็บในอัตราลิตรละ 1-2 สตางค์ แต่กระจายไปให้ครอบคลุมผู้ใช้ทุกกลุ่มก็จะได้จำนวนเงินภาษีที่มากกว่าการเก็บจากผู้ใช้รายย่อยเพียงกลุ่มเดียว ไม่ครอบคลุมผู้ใช้ทุกกลุ่ม นอกจากนี้ ชมรมฯ ยังเห็นความไม่เหมาะสมในการเก็บภาษีในช่วงนี้ว่า สภาพความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ยากลำบากมาก ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันอยู่ในช่วงวิกฤตทั่วโลก เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ราคายาง และพืชผลการเกษตรที่ตกต่ำ รวมทั้งมีปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างมาก
ตลอดเวลา 9 เดือนเศษๆ ที่ผ่านมา ชมรมฯ ได้พยายามชี้แจงเหตุผล และปัญหาของภาษีนี้ไปยัง อบจ. และหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ ให้ทุกฝ่ายทราบอย่างต่อเนื่องทั้ง 3 จังหวัด แต่ อบจ.ก็ไม่รับฟัง และยืนยันจะเก็บภาษีโดยนายก อบจ.ทั้ง 3 จังหวัดอ้างว่า ต้องทำตามมติของสมาพันธ์ อบจ. 14 จังหวัดภาคใต้ มิหนำซ้ำ อบจ.นราธิวาส ยังได้แจ้งความดำเนินคดีต่อปั๊มน้ำมันที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส จำนวน 3 ปั๊ม ในข้อหาไม่จดทะเบียนสถานการค้า และไม่ยื่นแบบรายการภาษีเพื่อหลีกเลี่ยง หรือเจตนาหลีกเลี่ยงการเสียภาษี
ชมรมผู้ค้าน้ำมัน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ไม่มีเจตนาทำผิดกฎหมายใดๆ หรือเจตนาหลีกเลี่ยงการเสียภาษีตามที่ อบจ.ทั้ง 3 จังหวัดได้กล่าวหา ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาแล้ว ชมรมจึงขอเรียกร้อง ดังนี้
1.ขอให้ อบจ.นราธิวาส ถอนการแจ้งความเพื่อดำเนินคดีต่อปั๊มน้ำมันทั้ง 3 ปั๊มที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส โดยเร็ว 2.ขอให้ชะลอการจัดเก็บภาษีน้ำมัน อบจ.ออกไปจนกว่าจะมีการแก้ไขการจัดเก็บภาษีให้เหมาะสม 3.ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาน้ำมันเถื่อนอย่างยั่งยืน ตลอดจนศึกษาความอยู่รอดของปั๊มน้ำมันใน 3 จังหวัด เมื่อเปิดเสรีทางการค้าในกลุ่มอาเซียนต้นปีหน้าและหาแนวทางแก้ปัญหาเรื่องราคาน้ำมันที่มาเลเซียที่มีราคาน้ำมันต่ำกว่าประเทศไทยอย่างมากขณะนี้ เพราะหลังจากเปิดเสรีทางการค้าในกลุ่มอาเซียน อาจทำให้น้ำมันจากประเทศมาเลเซียทะลักเข้าไทย ปั๊มน้ำมันใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อาจต้องปิดกิจการเพราะสู้ราคาไม่ได้
แนวทางในการเรียกร้องให้มีการแก้ไขการจัดเก็บภาษี อบจ.ให้เหมาะสม ดังนี้ 1.ขึ้นป้ายคัดค้านการเก็บภาษีของ อบจ.และแจกใบปลิวทุกปั๊มใน 3 จังหวัด 2.หากไม่ถอนแจ้งความปั๊มน้ำมันทั้ง 3 ปั๊มที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และชะลอการจัดเก็บภาษีออกไปจนกว่าจะแก้ไขวิธีการจัดเก็บที่เหมาะสม ชมรมฯ จะปิดปั๊มน้ำมันทั้ง 3 จังหวัด ในวันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม 2558 และ 3.ยื่นหนังสือเรียกร้องให้แก้ไขวิธีการจัดเก็บภาษี อบจ.ต่อนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ชมรมผู้ค้าน้ำมัน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอยืนยันว่า ชมรมฯ ไม่ได้คัดค้านการเก็บภาษี อบจ. แต่ขอเรียกร้องให้แก้ไขวิธีการจัดเก็บภาษีที่เป็นปัญหาให้เหมาะสมโดยเร็ว