ปัตตานี - ผู้ประกอบการค้าน้ำมัน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ไม่เห็นด้วยต่อมาตรการเก็บภาษีน้ำมันของ อบจ. 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่ให้เก็บจากประชาชนลิตรละ 4.54 สต.โดยให้ปั๊มน้ำมันเป็นตัวกลางในการเก็บและส่งให้ อบจ.ทุกเดือน แต่ไม่ยอมเรียกเก็บจากผู้ค้ารายใหญ่เลย แนะให้ไปเก็บภาษีที่คลังน้ำมัน เพื่อให้น้ำมันทุกลิตรที่ออกมาจากคลังต้องเสียภาษีอย่างเสมอภาค และเท่าเทียมกัน
วานนี้ (6 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองในพื้นที่เข้าตรวจสอบเหตุพบใบปลิว และป้ายคัดคานการเก็บภาษีจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวนมากในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส โดยข้อความในใบปลิวเขียนอธิบายรายละเอียดของการเรียกเก็บภาษีจากประชาชนลิตรละ 4.54 สตางค์ โดยให้ปั๊มเป็นตัวกลางบวกภาษีที่จะนำส่งให้แก่ อบจ.เข้าไปในราคาขายหน้าปั๊ม แล้วให้ทุกปั๊มนำส่งภาษีที่บวกกับราคาหน้าปั๊มให้แก่ อบจ.ทุกเดือน
โดยผู้ประกอบการค้าน้ำมันต่างเห็นว่า กรณีดังกล่าวไม่ยุติธรรมต่อประชาชน และเป็นการบังคับให้ปั๊มเก็บภาษีจากประชาชน ส่งให้ อบจ.จากการติดป้าย และโปรยใบปลิวดังกล่าวทำให้ประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งผู้ประกอบการค้าน้ำมัน 3 จังหวัด มีความกังวล พร้อมต่างเรียกร้องขอให้นายกรัฐมนตรี ลงมาแก้ปัญหานี้ด้วย
ทางด้านประธานชมรมผู้ค้าน้ำมันประจำจังหวัดนราธิวาส ได้อ่านใบปลิวให้ประชาชนฟังว่า ขณะนี้ อบจ.นราธิวาส ปัตตานี ยะลา ทั้ง 3 จังหวัดที่ท่านได้เลือกตั้งเข้ามา ได้ออกข้อบัญญัติเพื่อเก็บภาษีน้ำมันจากพี่น้องประชาชน ลิตรละ 4.54 สตางค์ โดยบังคับให้ปั๊มบวกภาษีที่จะนำส่งให้แก่ อบจ.เข้าไปในราคาขายหน้าปั๊ม และให้ทุกปั๊มนำส่งภาษีที่บวกกับราคาหน้าปั๊มให้แก่ อบจ.ทุกเดือน
ชมรมผู้ค้าน้ำมัน 3 จังหวัดชายแดนใต้ มีความเห็นว่า ภาษีที่ อบจ.เก็บไม่เป็นธรรม เพราะเก็บจากผู้ใช้น้ำมันรายย่อย แต่ไม่เก็บกับผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่ที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรม บ.ก่อสร้าง บ.ขนส่งธุรกิจรายใหญ่ ที่ซื้อน้ำมันโดยตรงจากคลังน้ำมัน และการซื้อของบริษัทใหญ่ๆ ก็ซื้อในปริมาณมากแต่ไม่ต้องจ่ายภาษี ผู้ใช้รายย่อยที่ซื้อปลีกต้องจ่ายภาษี จึงคัดค้าน ไม่ยอมจัดเก็บภาษีจากประชาชนผู้ใช้น้ำมันรายย่อยส่งให้แก่ อบจ.
ทั้งนี้ ได้เสนอแนะให้ อบจ.ไปเก็บภาษีที่คลังน้ำมันเพื่อให้น้ำมันทุกลิตรที่ออกมาจากคลังต้องเสียภาษีอย่างเสมอภาค และเท่าเทียมกันทุกลิตร แต่ อบจ.ทั้ง 3 จังหวัด ก็ไม่ยอมไปแก้ไขวิธีการจัดเก็บภาษีตามที่ชมรมผู้ค้าน้ำมัน 3 จังหวัดชายแดนใต้เสนอไป มิหนำซ้ำขณะนี้ อบจ.นราธิวาสยังได้ไปแจ้งความดำเนินคดีต่อปั๊มน้ำมัน 3 ปั๊มที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เพื่อบังคับให้เก็บภาษีและนำไปส่งให้แก่ อบจ.นราธิวาส
ชมรมผู้ค่าน้ำมัน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ไม่ได้คัดค้านการจัดเก็บภาษีของ อบจ.และให้ความสำคัญต่อการจัดเก็บภาษีของทุกหน่วยงานว่ามีความจำเป็นเพื่อการพัฒนาประเทศ แต่ไม่เห็นด้วยต่อการจัดเก็บภาษีของ อบจ.ตามวิธีปัจจุบัน ที่เก็บกับผู้ใช้รายย่อย แต่ไม่เก็บจากธุรกิจขนาดใหญ่ จึงขอเรียกร้องให้มีการชะลอการจัดเก็บภาษีออกไปก่อน และแก้ไขวิธีการจัดเก็บภาษีใหม่ โดยให้ไปเก็บภาษีที่คลังน้ำมัน จะช่วยลดขั้นตอนการทำงานของปั๊มน้ำมัน ทำให้ได้จำนวนเงินภาษีมากกว่าเดิม การเก็บที่คลังจุดเดียวจะสะดวก รวดเร็ว และเต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่าวิธีการปัจจุบัน เพราะจะเก็บจากผู้ค้ารายใหญ่ด้วย
อีกทั้งการจัดเก็บภาษีในช่วงนี้ไม่เหมาะสมต่อสถานการณ์ในพื้นที่ที่มีความรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ย่ำแย่ ประชาชนรายย่อยประสบต่อราคาพืชผลการผลิตตกต่ำ เศรษฐกิจในพื้นที่อิงราคายาง และพืชผลเกษตร บวกกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น ปัจจุบันแทบไม่มีกำลังซื้อในพื้นที่ ปั๊มน้ำมันส่วนใหญ่ในพื้นที่มียอดขายเหลือ 20-30% ของยอดขายที่ขายได้ในภาวะบ้านเมือง และเศรษฐกิจปกติเท่านั้น ปั๊มส่วนใหญ่อยู่ในภาวะขาดทุน
ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น จึงขอให้ อบจ.ทั้ง 3 จังหวัดชะลอการจัดเก็บภาษีออกไปก่อนจนกว่าจะมีการแก้ไขวิธีการจัดเก็บให้ทั่วถึง ครอบคลุม เสมอภาค และเท่าเทียมกัน เนื้อหาทั้งหมดมีการลงชื่อในนามชมรมผู้ค้าน้ำมัน 3 จังหวัดชายแดนใต้