รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่ประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ประกอบด้วยยะลา นราธิวาส และปัตตานี ต้องประสบความเดือดร้อน เนื่องจากปั๊มน้ำมันในพื้นที่ดังกล่าวรวม 132 แห่ง ประกาศปิดการให้บริการ เพื่อประท้วง เจ้าหน้าที่ อบจ.ทั้ง 3 จังหวัด ที่สั่งเก็บภาษีน้ำมันจากผู้ประกอบการลิตรละ 4.54 - 5 สตางค์ โดยบังคับให้ปั๊มบวกภาษีที่จะนำส่งให้กับ อบจ.เข้าไปในราคาขายหน้าปั๊ม และให้จัดส่งเงินภาษีให้กับ อบจ.ทุกเดือน ซึ่งเป็นการเพิ่มภาระทุนในจัดซื้อน้ำมัน และผลักภาระให้กับประชาชน ทำให้ส่วนใหญ่ต้องหันไปพึ่งพาน้ำมันขวดแบ่งขายตามริมถนนแก้ขัดไปก่อน ขณะที่ตัวแทนทั้งสองฝ่ายได้เข้าเจราจาเพื่อหาข้อยุติกันที่ ศาลาว่ากลางจังหวัดนราธิวาส
ล่าสุดแม้การเจรจาจะยังไม่ได้ข้อสรุปออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ผู้ประกอบการปั๊มน้ำมันทุกแห่งที่สั่งปิด ได้ประสานให้พนักงานเปิดปั๊มและกลับมาให้บริการได้อีกครั้งแล้ว โดยให้เหตุผลว่า หากยังปิดต่อไป ชาวบ้านอาจได้รับความลำบากมากกว่านี้ ทั้งที่ไม่ใช่ต้นเหตุของเรื่องราวบานปลายด้วย อีกทั้งกระทบไปถึงภาพรวมด้านเศรษฐกิจในพื้นที่ด้วย สร้างความดีใจให้กับผู้ใช้รถ ต่างแห่แหนกันไปเข้าแถวต่อคิวรอเติมน้ำมันยาวเหยียด ขณะที่บางรายเกรงจะมีการปิดปั๊มอีกหลังจากนี้ จึงนำแกลลอนมาเติมน้ำมันเก็บไว้ยามฉุกเฉิน
ด้านนายสามารถ วราดิศัย ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันในพื้นที่จังหวัดยะลา หยุดการจำหน่ายน้ำมันในวันนี้ (13 ก.ค.) ตัวกฎหมายที่สามารถนำมาบังคับได้ก็มีอยู่ 2 ลักษณะคือกฎหมายปกติ คือ พ.ร.บ.เชื้อเพลิง ที่ยังมีอำนาจที่จะสามารถประสานและสั่งการได้ และยังมีกฎหมายพิเศษ คือกฎอัยการศึกตาม พ.ร.บ.รักษาความสงบเรียบร้อยในการที่จะสั่งการได้ แต่กฎหมายทั้ง 2 ลักษณะนี้ก็คงจะไม่นำมาใช้
สำหรับในส่วนของจังหวัดยะลา ตนต้องขอขอบคุณผู้ประกอบการบางแห่ง ที่ได้เห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชนในภาพรวมส่วนใหญ่ และได้เปิดให้บริการเกือบทุกแห่งแล้วในช่วงบ่ายนี้ และทราบว่าทางนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส ได้ยอมถอนแจ้งความปั้มน้ำมัน 3 แห่ง ที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส แล้ว ซึ่งจะทำให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ลูกค้าบางคันที่่ต่อคิวรอเติมน้ำมันนานกว่า 2 ชม.ไม่ไหว ได้ตัดสินใจขับรถเก่งและจยย.ไปเติมน้ำมันในพื้นที่ อ.เปิงกาลันฮูลู (โกร๊ะ) รัฐเประ ประเทศมาเลเซีย ห่างจาก อ.เบตง ประมาณ 15 กม.แทน โดยมีราคาเปรียบเทียบพบว่า น้ำมันโซล่ามาเลเซียอยู่ที่ลิตรละ 25.40 สตางค์ ส่วนโซล่าไทยลิตรละ 25.36 สตางค์ ขณะที่ น้ำมันเบนซินมาเลเซียลิตรละ 27.54 สตางค์ ส่วนเบนซินไทยลิตรละ 37.11 สตางค์ ซึ่งในส่วนของเบนซินมีผลต่างกันถึงเกือบ 10 บาท
ล่าสุดแม้การเจรจาจะยังไม่ได้ข้อสรุปออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ผู้ประกอบการปั๊มน้ำมันทุกแห่งที่สั่งปิด ได้ประสานให้พนักงานเปิดปั๊มและกลับมาให้บริการได้อีกครั้งแล้ว โดยให้เหตุผลว่า หากยังปิดต่อไป ชาวบ้านอาจได้รับความลำบากมากกว่านี้ ทั้งที่ไม่ใช่ต้นเหตุของเรื่องราวบานปลายด้วย อีกทั้งกระทบไปถึงภาพรวมด้านเศรษฐกิจในพื้นที่ด้วย สร้างความดีใจให้กับผู้ใช้รถ ต่างแห่แหนกันไปเข้าแถวต่อคิวรอเติมน้ำมันยาวเหยียด ขณะที่บางรายเกรงจะมีการปิดปั๊มอีกหลังจากนี้ จึงนำแกลลอนมาเติมน้ำมันเก็บไว้ยามฉุกเฉิน
ด้านนายสามารถ วราดิศัย ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันในพื้นที่จังหวัดยะลา หยุดการจำหน่ายน้ำมันในวันนี้ (13 ก.ค.) ตัวกฎหมายที่สามารถนำมาบังคับได้ก็มีอยู่ 2 ลักษณะคือกฎหมายปกติ คือ พ.ร.บ.เชื้อเพลิง ที่ยังมีอำนาจที่จะสามารถประสานและสั่งการได้ และยังมีกฎหมายพิเศษ คือกฎอัยการศึกตาม พ.ร.บ.รักษาความสงบเรียบร้อยในการที่จะสั่งการได้ แต่กฎหมายทั้ง 2 ลักษณะนี้ก็คงจะไม่นำมาใช้
สำหรับในส่วนของจังหวัดยะลา ตนต้องขอขอบคุณผู้ประกอบการบางแห่ง ที่ได้เห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชนในภาพรวมส่วนใหญ่ และได้เปิดให้บริการเกือบทุกแห่งแล้วในช่วงบ่ายนี้ และทราบว่าทางนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส ได้ยอมถอนแจ้งความปั้มน้ำมัน 3 แห่ง ที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส แล้ว ซึ่งจะทำให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ลูกค้าบางคันที่่ต่อคิวรอเติมน้ำมันนานกว่า 2 ชม.ไม่ไหว ได้ตัดสินใจขับรถเก่งและจยย.ไปเติมน้ำมันในพื้นที่ อ.เปิงกาลันฮูลู (โกร๊ะ) รัฐเประ ประเทศมาเลเซีย ห่างจาก อ.เบตง ประมาณ 15 กม.แทน โดยมีราคาเปรียบเทียบพบว่า น้ำมันโซล่ามาเลเซียอยู่ที่ลิตรละ 25.40 สตางค์ ส่วนโซล่าไทยลิตรละ 25.36 สตางค์ ขณะที่ น้ำมันเบนซินมาเลเซียลิตรละ 27.54 สตางค์ ส่วนเบนซินไทยลิตรละ 37.11 สตางค์ ซึ่งในส่วนของเบนซินมีผลต่างกันถึงเกือบ 10 บาท
