xs
xsm
sm
md
lg

ชาวพุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี กว่า 500 คน รวมตัวต้านโรงไฟฟ้าชีวมวล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online



สุราษฎร์ธานี - ชาวบ้านตำบลท่าสะท้อน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี กว่า 500 คน รวมตัวต่อต้านขยะจากเกาะสมุย และไม่เอาโรงไฟฟ้าชีวมวล หลังมีข่าวนายทุนได้ซื้อที่ดินของบริษัท ศรีสุบรรณ ฟาร์ม กว่า 300 ไร่ เพื่อก่อสร้างโรงงานแล้ว หวั่นส่งผลกระทบต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศวิทยาเป็นบริเวณกว้าง

เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (8 ก.ค.) ชาวบ้านในตำบลท่าสะท้อน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี กว่า 500 คน ได้รวมตัวกันที่กลางสะพานข้ามคลองท่าสะท้อน หมู่ที่ 1 พร้อมแผ่นป้ายข้อความ รวมต้านขยะที่มาจากเกาะสมุย และไม่เอาโรงไฟฟ้าชีวมวล เนื่องจากไม่พอใจทางผู้นำชุมชนได้ดำเนินการจัดทำประชาคมให้ผ่านขบวนการการก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าชีวมวลจำนวน 3 แห่ง ในพื้นที่ หมู่ที่ 1 โดยชาวบ้านบอกว่า นายทุนได้จัดซื้อที่ดินของบริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม บริษัทในเครือของพระสุเทพ ปภากโร ที่ขณะนี้ นายแทน เทือสุบรรณ ลูกชายพระสุเทพเป็นผู้ดูแล จำนวน 300 กว่าไร่ ที่เป็นพื้นที่ลุ่มติดแม่น้ำ เพื่อดำเนินการก่อสร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าชีวมวล โดยใช้ขยะจากเกาะสมุยมาเป็นพลังงาน แต่ก่อนจะก่อสร้างโรงงานจะต้องนำขยะจำนวนดังกล่าวมากลบฝังเป็นเวลา 3 ปี จึงจะนำขึ้นมาเป็นพลังงานได้ เนื่องจากโรงงานใช้เวลาประมาณ 3 ปีจึงจะก่อสร้างเสร็จ

นายฐานกูล พัฒนสิงห์ อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ตำบลท่าสะท้อน กล่าวว่า ชาวบ้านในพื้นที่ไม่มั่นใจในความปลอดภัย เนื่องจากพื้นที่ก่อตั้งโรงงานเป็นพื้นที่ลุ่ม หน้าฝนน้ำท่วมขัง หากนำขยะจากเกาะสมุยกว่า 200,000 ตัน มาฝังกลบในพื้นที่ สารเคมี และน้ำเสียจากกองขยะจะไหลซึมลงคลองท่าสะท้อน และไหลลงแม่น้ำตาปี และไหลออกไปสู่อ่าวบ้านดอน จะส่งผลกระทบต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศน์ในพื้นที่ จนทำให้สัตว์น้ำที่มีอยู่ชุกชุมอาจล่มสลายไป จนสร้างความเดือดร้อนไปจนถึงลูกหลานในอนาคต ประกอบกับเวลาที่ผ่านมา ผู้ที่เกี่ยวข้องไม่เคยนำข้อมูลการก่อสร้างโรงไฟฟ้ามาเปิดเผยให้ชุมชนรู้เรื่อง ถึงแม้ผู้นำชุมชนจะอ้างว่าผ่านขั้นตอนการทำประชาคมหมู่บ้าน แต่ขอยืนยันว่า เป็นการทำประชาคมไม่ถูกต้อง

โดยชาวบ้านระบุว่า ชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นญาติพี่น้องกับพระสุเทพ แต่ก็ไม่เห็นด้วยต่อการนำขยะมากลบฝังไว้ในพื้นที่ หากโรงไฟฟ้าเกิดขึ้นจะมีผลกระทบในระยะยาวในอนาคตและเป็นวงกว้าง พร้อมกันนี้ กลุ่มชาวบ้านขู่ว่าหากกลุ่มผู้นำชุมชนไม่ยินยอมยกเลิกโครงการดังกล่าว เตรียมล่ารายชื่อยื่นฟ้องศาลปกครองคุ้มครองต่อไป ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับโดยไม่มีเหตุรุนแรง



 
 


กำลังโหลดความคิดเห็น