ตรัง - ธุรกิจอาหารกระป๋องในเครือ “ปุ้มปุ้ย” ยันไม่กระทบวัตถุดิบสำหรับการผลิต แม้รัฐบาลจะใช้มาตรการกวาดล้างเรือประมงที่ผิดกฎหมาย ด้วยการสั่งห้ามมิให้ออกจับสัตว์น้ำ หลังได้มีการกักตุนวัตถุดิบรองรับการผลิตไว้แล้วอย่างน้อย 6 เดือน
วันนี้ (8 ก.ค.) นางโสพิณ เทพสาสน์กุล ผู้จัดการฝ่ายควบคุมคุณภาพ บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) ธุรกิจอาหารกระป๋องในเครือปุ้มปุ้ย กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลมีมาตรการกวาดล้างเรือประมงที่ผิดกฎหมายด้วยการสั่งห้ามมิให้ออกไปจับสัตว์น้ำนั้น ทางโรงงานมิได้มีผลกระทบแต่อย่างใด เนื่องจากมีวัตถุดิบสำรองไว้อยู่แล้ว เพื่อรองรับการผลิตอย่างน้อย 6 เดือน
โดยได้มีการสั่งซื้อปลาจากในประเทศ และอีกส่วนหนึ่งสั่งซื้อจากต่างประเทศมาเก็บสต๊อกไว้ในโรงงาน อีกทั้งยังทราบล่วงหน้าว่า ทางสหภาพยุโรป (EU) จะต้องมีมาตรการลงโทษประเทศไทย หากไม่ดำเนินการเรื่องเรือประมงให้ถูกต้องตามกฎหมาย 15 ข้อ ทั้งนี้ โดยปกติธุรกิจอาหารกระป๋องในเครือปุ้มปุ้ย จะมีการจำหน่ายในประเทศ 85 เปอร์เซ็นต์ และมีการส่งออก 15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตลาดหลักก็ยังคงอยู่ในทวีปเอเชีย ดังนั้น เมื่อเกิดวิกฤตขึ้นแบบนี้ทางโรงงานจึงหันไปสั่งซื้อปลามาจากต่างประเทศ แทนที่จะสั่งซื้อปลาในประเทศมากกว่า
โดยเฉพาะการนำเข้าปลาแมคเคอเรลเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ จากประเทศญี่ปุ่น ยกเว้นหอยลาย และหอยแครง ที่ยังคงเน้นการสั่งซื้อในประเทศไทย จากจังหวัดสุราษฎร์ธานี และชุมพร รวมทั้งยังสั่งซื้อหอยมาจากประเทศเวียดนาม เพิ่มเติมอีกในบางส่วน เพราะถือเป็นแหล่งที่มีคุณภาพดีที่สุด โดยยืนยันว่า วิกฤติที่เกิดขึ้นจะไม่ทำให้เกิดปัญหา เพราะมีการกักตุนวัตถุดิบไว้เยอะ
สำหรับ บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) ในช่วงไตรมาส 1-2 (มกราคม-มิถุนายน 2558) มีการผลิตอาหารกระป๋องได้วันละ 250,000-300,000 กระป๋อง แต่ในช่วงไตรมาส 3-4 (กรกฎาคม-ธันวาคม 2558) ได้มีการผลิตอาหารกระป๋องเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 300,000-400,000 กระป๋อง ซึ่งวัตถุดิบที่มีอยู่ในสต๊อกจะสามารถนำไปผลิตสินค้าได้จนถึงสิ้นปี 2558 โดยไม่เกิดภาวะขาดแคลน ยกเว้นหากเกิดวิกฤตขึ้นยาวนานจริงๆ ก็อาจส่งผลให้ราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้นบ้าง ซึ่งเวลานั้นทางโรงงานต้องหาวิธีการแก้ปัญหาด้วยการลดต้นทุนการผลิต แต่ยังรักษาคุณภาพไว้คงเดิมเพื่อให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ
ปัจจุบัน ธุรกิจอาหารกระป๋องในเครือปุ้มปุ้ย บริหารโดย นายไกรสิน โตทับเที่ยง บุตรชายของ นายสุรินทร์ โตทับเที่ยง รองประธานหอการค้าไทย นับเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียง หรือเป็นที่รู้จักอย่างดีทั้งของชาวไทย และชาวต่างชาติ ด้วยสัญลักษณ์ที่คุ้นตาคือ ปลายิ้มน้ำลายไหล 3 หยด อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ได้เกิดปัญหาความขัดแย้งขึ้นในตระกูลโตทับเที่ยง ระหว่างพี่น้องทั้ง 8 คน ซึ่งนำโดย นายสุธรรม ในฐานะพี่ชายคนโต กับนายสุรินทร์ จนถึงขั้นมีการฟ้องศาลห้ามใช้นามสกุลโตทับเที่ยง แต่คณะผู้บริหารชุดใหม่ยืนยันว่า ไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด เพราะธุรกิจยังคงเดินหน้าไปได้อย่างสดใสต่อเนื่อง