กรมเจ้าท่าเดินหน้าศึกษาท่าเรือน้ำลึกชุมพร ท่ามกลางความขัดแย้งของชาวบ้าน

ชุมพร - กรมเจ้าท่าเดินหน้าศึกษาสร้างท่าเรือน้ำลึก ท่ามกลางความขัดแย้งแตกแยกของชาวบ้าน ฝ่ายเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย จัดเวทีแสดงความคิดเห็น 3 ตำบล มีคนร่วมไม่ถึง 300 คน

วันนี้ (6 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรณีกรมเจ้าท่า ทุ่มงบประมาณจ้างบริษัทที่ปรึกษา 3 บริษัท ลงพื้นที่ศึกษก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกใน จ.ชุมพร โดยก่อนหน้านี้ วันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมกลุ่มย่อยระดับเวทีท้องถิ่น ครั้งที่ 1 โครงการศึกษาสร้างท่าเรือน้ำลึกชุมพร ที่เทศบาลตำบลบางสน อ.ปะทิว มีผู้นำท้องถิ่น ชาวบ้านเข้าร่วมประมาณ 150 คน ท่ามกลางความขัดแย้งของชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยจำนวนมาก ส่วนฝ่ายที่เห็นด้วยส่วนใหญ่จะเป็นนักการเมืองท้องถิ่น และผู้นำชุมชน

จากนั้นวันที่ 4 มิ.ย. กรมเจ้าท่า ยังเดินหน้าศึกษาสร้างท่าเรือน้ำลึกชุมพร ท่ามกลางความขัดแย้งฝ่ายเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย โดยช่วงเช้าที่ห้องประชุม อบต.นาทุ่ง อ.เมืองชุมพร นางจิราภรณ์ จันทรศิริ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า นายสมเกียรติ เตรียมแจ้งอรุณ ผู้จัดการโครงการ นายพิเศษ เสนาวงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมและการมีส่วนร่วมของบริษัทที่ปรึกษาโครงการเปิดการประชุมกลุ่มย่อยระดับเวทีท้องถิ่น ครั้งที่ 1 ซึ่งเป็นอีกพื้นที่เป้าหมายในการสร้างท่าเรือน้ำลึก โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 30 คน ส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองท้องถิ่น อบต.กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ อบต. ในที่ประชุมมีนักการเมืองท้องถิ่น และผู้นำชุมชน 4 คน แสดงความคิดเห็นสนับสนุน แต่มีบางคนได้ติติงว่าการประชุมครั้งนี้ชาวบ้านในตำบลนาทุ่งส่วนใหญ่ที่ประกอบอาชีพ และมีส่วนได้ส่วนเสียต่อโครงการขนาดใหญ่ดังกล่าวไม่รู้เรื่องต่อการเข้ามาจัดเวทีแสดงความคิดเห็นในครั้งนี้ จึงทำให้มีคนเข้าร่วมจำนวนน้อยมาก

ส่วนช่วงบ่ายวันเดียว คณะชุดเดิมได้เดินทางไปเปิดการประชุมกลุ่มย่อยระดับเวทีท้องถิ่นที่ห้องประชุม อบต.หาดทรายรี อ.เมืองชุมพร มีผู้เข้าประชุมประมาณ 70 คน โดยเวทีนี้มีการแสดงความคิดเห็น และถกเถียงกันอย่าเข้มข้นของฝ่ายที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย โดยฝ่ายเห็นด้วยส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองท้องถิ่น ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมีทั้งผู้นำชุมชน และชาวบ้าน

โดยฝ่ายสนับสนับสนุนมองว่า การสร้างท่าเรือน้ำลึกจะทำให้ท้องถิ่นเจริญ และมีรายได้จากการเก็บภาษี ชาวบ้านมีงานทำ ส่วนฝ่ายคัดค้านมองว่า หากสร้างท่าเรือน้ำลึกจะส่งผลกระทบต่อชาวบ้านจำนวนมาก ทั้งการเวนคืนที่ดิน กระทบต่อแหล่งท่องเที่ยวที่มีศาลเสด็จกรมหลวงชุมพร อาชีพการประมง เนื่องจากอ่าวชุมพร เป็นแหล่งวางไข่ของปลาทู และสัตว์น้ำใหญ่ที่สุดของประเทศไทย นอกจากนี้ ท้องทะเลชุมพรในแต่ละปีจะมีรายได้จากการทำประมง การท่องเที่ยวทางทะเล ดำน้ำชมปะการัง และชมหมู่เกาะต่างๆ มีรายได้รวมมากถึงปีละนับหมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นแหล่งอาชีพแหล่งรายได้ที่ยั่งยืนถาวรของ จ.ชุมพร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมกลุ่มย่อยระดับเวทีท้องถิ่นใน 3 ตำบล มีผู้เข้าร่วมไม่ถึง 300 คน ท่ามกลางความแตกแยกขัดแย้งที่เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ของฝ่ายที่สนับสนุน และไม่เห็นด้วยขณะนี้