ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ทีมทนาย “พล.ท.มนัส” ดิ้นงัดข้อกฎหมายคำสั่งอ้าง คสช. ยื่นศาลขอไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อให้นำคดีขึ้นศาลทหาร
วันนี้ (5 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น.ทีมทนายความของ พล.ท.มนัส คงแป้น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาค้ามนุษย์ และถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำอำเภอนาทวี หลังจากที่ศาลจังหวัดนาทวีไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยทีมทนายความได้พิมพ์คำร้องขอไต่สวนฉุกเฉินต่อศาลจังหวัดนาทวี ในเรื่องอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ตั้งแต่ในขั้นการขอหมายศาลในการออกหมายจับ และในการจับกุม รวมทั้งการสอบสวน และส่งฟ้อง ว่า เป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
เนื่องจากคณะ คสช. ได้ออกประกาศลงวันที่ 25 พ.ค.57 ซึ่งมีความว่า ความผิดที่เกี่ยวกับการฝ่าฝืนคำสั่ง หรือประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือคำสั่งหัวหน้า คสช. ให้นำผู้ทำความผิดขึ้นศาลทหาร ซึ่งทีมทนายของ พล.ท.มนัส กล่าวว่า ถ้า คสช. ยังไม่มีการยกเลิกคำสั่งฉบับดังกล่าว การสั่งฟ้องของตำรวจซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของคณะ คสช. จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะที่ชอบด้วยกฎหมายตามคำสั่งของ คสช. ฉบับนี้นั้น ต้องนำตัว พล.ท.มนัส ส่งฟ้องที่ศาลทหาร
โดยทีมทนายความของ พล.ท.มนัส เชื่อว่าคำสั่งของคณะ คสช. ฉบับนี้ยังไม่มีการยกเลิก และหากสามารถให้ พล.ท.มนัส ขึ้นศาลทหารที่มณฑลทหารบกที่ 42 ค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โอกาสที่ พล.ท.มนัส จะได้รับการประกันตัวมีมากกว่าที่ศาลจังหวัดนาทวีแน่นอน นอกจากนี้ ทีมทนายความของ พล.ท.มนัส เปิดเผยว่า ในส่วนของการยื่นอุทธรณ์คำสั่งที่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น ในวันนี้ยังไม่ได้ยื่นอุทธรณ์เพื่อขอประกันตัว แต่จะยื่นอีกครั้งหลังจากที่ทราบผลของการยื่นขอไต่สวนฉุกเฉินแล้ว
ส่วนความเป็นอยู่ของ พล.ท.มนัส หลังเข้าไปอยู่ในเรือนจำอำเภอนาทวีนั้น ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ของวันนี้ ได้มีญาติๆ และลูกน้องที่เป็นคนสนิทของ พล.ท.มนัส ทยอยกันเข้าเยี่ยม พร้อมทั้งนำสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นเข้าไปให้ โดยทางเรือนจำได้อนุญาตให้ญาติๆ และผู้ที่เป็นคนสนิทเข้าเยี่ยมตามปกติเหมือนกับการเยี่ยมผู้ต้องขังคนอื่นๆ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ นายกฤษฎา เดชนะ ผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอนาทวี เพื่อขอทราบความเป็นอยู่ของ พล.ท.มนัส แต่ปรากฏว่า นายกฤษฎา ไปราชการ โดยเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลแดนแรกรับผู้ต้องขัง เปิดเผยว่า ทางเรือนจำได้จัดให้ พล.ท.มนัส อยู่ร่วมกับผู้ต้องขังแรกรับในแดนแรกรับเมือนกับผู้ต้องขังคนอื่นๆ ซึ่งไม่มีอะไรที่เป็นพิเศษ โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา พล.ท.มนัส นอนไม่หลับ คงเพราะไม่คุ้นเคยกับสถานที่ และทานอาหารที่เรือนจำจัดให้ไม่ค่อยได้ แต่ในวันนี้ได้มีญาตินำอาหารมาให้ และหลังจากที่ พล.ท.มนัส ถูกส่งตัวเข้ามาควบคุมตัว ก็ไม่ได้มีคำสั่งอะไรเป็นพิเศษสำหรับการดูแล พล.ท.มนัส
ประกาศคำสั่ง คสช. เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2557
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 37/2557
เรื่อง ความผิดที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหาร
ตามที่ได้มีประกาศกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 11/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 ให้ศาลทั้งหลายคงมีอำนาจดำเนินการพิจารณาและพิพากษาอรรถคดีตามบทกฎหมายและประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ นั้น เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงประกาศให้บรรดาคดีความผิดตามที่กำหนดไว้ดังต่อไปนี้ ซึ่งการกระทำผิดเกิดขึ้นในเขตราชอาณาจักรและในระหว่างที่ประกาศนี้ใช้บังคับ อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหาร
1.ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา1.1 ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทและผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตั้งแต่มาตรา 107 ถึงมาตรา 112 1.2 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ตั้งแต่มาตรา 113 ถึงมาตรา 118 ยกเว้นความผิดซึ่งการกระทำผิดเกิดขึ้นในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 หรือพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2.ความผิดตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ประกาศ ณ วันที่ 25 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 38/2557
เรื่อง คดีที่ประกอบด้วยการกระทำหลายอย่างเกี่ยวโยงกันให้อยู่ในอำนาจของศาลทหาร
โดยที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ พิจารณาเห็นว่า คำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 37/2557 ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2557 และคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับอื่น ให้คดีที่มีข้อหาว่าการกระทำผิดบางอย่างอยู่ในอำนาจศาลทหารนั้น คดีดังกล่าวอาจมีข้อหาอื่นที่มีความผิดในตัวเองและมิได้อยู่ในอำนาจศาลทหารรวมอยู่ สมควรให้ศาลทหารมีอำนาจพิจารณาพิพากษาในข้อหานั้นด้วย เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปโดยรวดเร็ว จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
บรรดาคดีความผิดที่อยู่ในอำนาจศาลทหารพิจารณาพิพากษา ตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 37/2557 ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2557 และคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับอื่น ถ้าคดีใดประกอบด้วยการกระทำหลายอย่างเกี่ยวโยงกัน แม้แต่ละอย่างจะเป็นความผิดได้ในตัวเองและไม่ได้อยู่ในอำนาจศาลทหาร ก็ให้อยู่ในอำนาจศาลทหารที่จะพิจารณาพิพากษาด้วย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 25 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ