ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - “หาดใหญ่โพล” ชี้ชัดคนงขลาหนุนล้างบางขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ ค้านตั้งศูนย์พักพิงในไทย แต่ให้มาเลย์และอินโดฯ รับไปทำแทน พร้อมจี้ UN หาประเทศที่สามรองรับ
หาดใหญ่โพล โดยสำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความคิดเห็นของประชาชนใน จ.สงขลา เกี่ยวกับการสำรวจปัญหาค้ามนุษย์ และแรงงานต่างด้าว โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากประชาชน จำนวน 400 ตัวอย่าง โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 22-26 พ.ค.2558 ผลการสำรวจสรุปได้ดังนี้
ในส่วนของสถานภาพกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 62.16) อายุระหว่าง 31-40 ปี (ร้อยละ 42.61) รองลงมามีอายุระหว่าง 21-30 ปี (ร้อยละ 37.59) และอายุระหว่าง 41-50 ปี (ร้อยละ 12.28) ตามลำดับ นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างประกอบกิจการส่วนตัว/ค้าขาย (ร้อยละ 32.75) รองลงมา คือ รับจ้างทั่วไป และพนักงานบริษัท/ลูกจ้าง คิดเป็นร้อยละ 25.50 และ 17.25 ตามลำดับ
ผศ.ดร.กอแก้ว จันทร์กิ่งทอง ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เปิดเผยผลการสำรวจหาดใหญ่โพลครั้งนี้ พบว่า ประชาชนใน จ.สงขลา ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการอพยพย้ายถิ่นของกลุ่มโรฮีนจา 1-2 วันต่อสัปดาห์ มากที่สุด (ร้อยละ 39.07) รองลงมาติดตามข่าวโรฮิงญา 3-4 วันต่อสัปดาห์ (ร้อยละ 34.96 ) และติดตามมากกว่า 5 วันขึ้นไป (ร้อยละ 19.79)
ทั้งนี้ ประชาชนเห็นว่า การอพยพย้ายถิ่นของกลุ่มโรฮีนจาส่งผลกระทบต่อชีวิตในระดับปานกลาง (ร้อยละ 46.35) และปัญหาแรงงานต่างด้าวกระทบต่อชีวิตในระดับปานกลาง (ร้อยละ 39.35)
ส่วนปัญหาแรงงานใน จ.สงขลา พบว่า ประชาชนเห็นว่าปัญหาการอพยพย้ายถิ่นของโรฮีนจามากที่สุด (ร้อยละ 36.59) รองลงมา เป็นปัญหาการละเมิดสิทธิเสรีภาพแรงงาน และปัญหาการค้ามนุษย์ คิดเป็นร้อยละ 16.04 และ 15.29 ตามลำดับ
ประชาชนเห็นว่าการประชุมที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 29 พ.ค.2558 จะไม่ช่วยแก้ปัญหา และทำให้สถานการณ์เหมือนเดิม (ร้อยละ 58.69) และเห็นว่ามีแนวโน้มของปัญหาดีขึ้น (ร้อยละ 26.70) และมีแนวโน้มของปัญหาแย่ลงกว่าเดิม (ร้อยละ 14.61)
ประชาชนใน จ.สงขลา ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยต่อการมีศูนย์พักพิงชาวโรฮีนจาในประเทศไทย (ร้อยละ 58.00) นอกจากนี้ ประชาชนเห็นว่า ประเทศพม่าสมควรจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวชาวโรฮีนจามากที่สุด (ร้อยละ 27.89) รองลงมาคือ ประเทศมาเลเซีย (ร้อยละ 26.05) และประเทศอินโดนีเซีย (ร้อยละ 18.95) มีเพียงร้อยละ 8.95 ที่เห็นว่าประเทศไทยมีความเหมาะสมที่จะจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวชาวโรฮีนจา
ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ และการอพยพย้ายถิ่นของชาวโรฮีนจา พบว่า สหประชาชาติควรหาประเทศที่สามให้ชาวโรฮิงญามากที่สุด (ร้อยละ 49.35) รองลงมาคือ พม่า และบังกลาเทศควรมีการพิสูจน์สัญชาติชาวโรฮีนจา และไทยควรเอาผิดต่อกลุ่มค้ามนุษย์อย่างรุนแรงคิดเป็นร้อยละ 31.01 และ 19.64 ตามลำดับ