ชุมพร - เจ้าหน้าที่ ปทส. ตำรวจ บุกจับชาวบ้านที่ชุมพร ใช้บัตรคิวคุ้มครองของนักการเมืองท้องถิ่นเข้าเก็บผลปาล์มในพื้นที่หมดสัมปทาน ของบริษัท วิจิตรภัณฑ์สวนปาล์ม จำกัด มีพื้นที่ 19,000 ไร่
วานนี้ (27 พ.ค.) ร.ต.ท.เฉลียว สวัสดิ์พันธ์ รอง สว.กก.5 บก.ปทส. พร้อมด้วย ร.ต.อ.ประพฤติ อันประสิทธิ์ รอง สว.กก.สส.ภ.จ.ชุมพร ได้ประสานกำลังร่วมกับ พ.ต.อ.ธานี นาคหกวิค ผกก.สภ.ท่าแซะ จ.ชุมพร นายสกล เอกบุตร เจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อ.ท่าแซะ เข้าตรวจสอบพื้นที่เขตสัมปทานปลูกปาล์มน้ำมันของบริษัท วิจิตรภัณฑ์สวนปาล์ม จำกัด ซึ่งมีพื้นที่จำนวน 19,000 ไร่ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่ารับร่อ-สลุย ใกล้ชายแดนไทย-พม่า ครอบคลุมพื้นที่หลายหมู่บ้านในตำบลรับร่อ และตำบลหงส์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เนื่องจากได้หมดอายุสัมปทานไปแล้วเมื่อวันที่ 11 ก.พ.58 ที่ผ่านมา แต่กลับมีนักการเมืองท้องถิ่นผู้กว้างขวางเข้าไปใช้อิทธิพลออกบัตรสติกเกอร์คุ้มครองให้ชาวบ้านเข้าไปเก็บผลปาล์มออกมาขายให้แก่ตนเองโดยมิชอบ
โดยเจ้าหน้าที่ได้ตระเวนตรวจสอบ จนกระทั่งถึงเขตพื้นที่หมดสัมปทานหมู่ 19
ตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ พบชาย 2 คน กำลังใช้ขอเกี่ยวทะลายปาล์มลงจากต้น และนำไปใส่รถยนต์กระบะตอนเดียวสีน้ำเงิน ทะเบียน บท 329 ชุมพร รวมผลปาล์มทะลายน้ำหนัก 200 กก. จึงควบคุมคุมตัวมาสอบสวน ทราบชื่อคือ นายดำรงชัย ฤทธิ์สมเงิน อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 หมู่ 13 ตำบลหงส์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และนายบุญเลิศ จันทร์พิมล อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 หมู่ 10 ตำบลหงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร พร้อมตรวจยึดรถยนต์ ผลปาล์มทะลาย ขอเกี่ยว 4 อัน สติกเกอร์วงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 นิ้ว ขอบสีแดงพิมพ์ข้อความ “A241” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สมาชิกกลุ่ม
ห่างกันประมาณ 1 กม. เจ้าหน้าที่อีกชุดเจ้าหน้าที่พบชายหญิง 5 คน กำลังเกี่ยวปาล์ม และนำใส่รถยนต์กระบะตอนเดียว สีบรอนซ์ ทะเบียน ปพ 5266 ชุมพร จำนวน 1,500 กก. มีสติกเกอร์สมาชิกกลุ่มหมายเลข “A54” พร้อมควบคุมตัว นายวีระยุทธ กำลังงาน อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 232 หมู่ 10 ตำบลหงส์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร นายเจน มามุ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 189 หมู่ 14 ตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร น.ส.โสภี เสนารินทร์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 505 หมู่ 10 ตำบลหงส์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร นายวันศรี จรเมือง อายุ 47 ปี และนางดอกแก้ว จรเมือง
อายุ 35 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 462 หมู่ 10 ตำบลหงส์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สอบสวนบักทึกปากคำผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ให้การรับสารภาพตรงกันทั้งหมดว่า ได้มีนายก อบต.คนหนึ่งในพื้นที่ อ.ท่าแซะ ได้ว่าจ้างให้เข้าไปเก็บเกี่ยวผลปาล์มในพื้นที่เขตหมดอายุสัมปทาน โดยใช้สติกเกอร์เป็นสัญลักษณ์สมาชิกกลุ่ม เพื่อคุ้มครองอำนวยความสะดวกในการเข้าไปเก็บเกี่ยวผลปาล์มในพื้นที่ และนำไปส่งขายให้แก่ นายก อบต. คนดังกล่าว โดยได้ค่าแรงกิโลกรัมละ 2 บาท จนมาถูกจับกุมดังกล่าว เจ้าหน้าจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าแซะ
ในส่วนของผู้ต้องหาดำเนินคดีในข้อหาตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 ฐานร่วมกันก่อสร้างแผ้วถางหรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหา พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ฐานร่วมกันเข้าไปครอบครองทำประโยชน์หรืออาศัยในที่ดินก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่า หรือกระทำโดยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ พร้อมขยายผลเรียกตัวผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากการสอบสวนเชิงลึกของเจ้าหน้าที่พบว่า พื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันของบริษัท วิจิตรภัณฑ์สวนปาล์ม จำกัด จำนวน 19,000 ไร่ สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้วันละ 300 ตัน
ปัจจุบัน ราคาในท้องตลาดกิโลกรัมละ 4 บาท หรือตันละ 4,000 บาท คิดเป็นเงิน 1,200,000 บาทต่อวัน หลังหมดอายุสัมปทานไปเมื่อวันที่ 11 ก.พ.58 ที่ผ่านมา ได้มีนายก อบต. ผู้กว้างขวางอยู่ในเขตพื้นที่ อ.ท่าแซะ ได้เข้าไปรวบรวมจัดสรรเก็บผลประโยชน์ โดยการออกสติกเกอร์สมาชิกกลุ่มเพื่อคุ้มครองอำนวยความสะดวกในการให้เข้าไปเก็บเกี่ยวผลปาล์มมาขายให้แก่ลานปาล์มของตนเองในราคากิโลกรัมละ 2 บาท จากนั้นนายก อบต.คนดังกล่าว จะนำผลปาล์มทั้งหมดส่งไปขายต่อให้แก่โรงงานสกัดปาล์มน้ำมันในราคาท้องตลาดกิโลกรัมละ 4 บาท และหากใครไม่เข้าไปเป็นสมาชิกกลุ่มจะไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้ หากเข้าไปก็จะถูกอิทธิพลข่มขู่ จนมีชาวบ้านกว่า 300 คน ต้องเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม และเก็บผลปาล์มไปขายให้ดังกล่าว
วานนี้ (27 พ.ค.) ร.ต.ท.เฉลียว สวัสดิ์พันธ์ รอง สว.กก.5 บก.ปทส. พร้อมด้วย ร.ต.อ.ประพฤติ อันประสิทธิ์ รอง สว.กก.สส.ภ.จ.ชุมพร ได้ประสานกำลังร่วมกับ พ.ต.อ.ธานี นาคหกวิค ผกก.สภ.ท่าแซะ จ.ชุมพร นายสกล เอกบุตร เจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อ.ท่าแซะ เข้าตรวจสอบพื้นที่เขตสัมปทานปลูกปาล์มน้ำมันของบริษัท วิจิตรภัณฑ์สวนปาล์ม จำกัด ซึ่งมีพื้นที่จำนวน 19,000 ไร่ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่ารับร่อ-สลุย ใกล้ชายแดนไทย-พม่า ครอบคลุมพื้นที่หลายหมู่บ้านในตำบลรับร่อ และตำบลหงส์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เนื่องจากได้หมดอายุสัมปทานไปแล้วเมื่อวันที่ 11 ก.พ.58 ที่ผ่านมา แต่กลับมีนักการเมืองท้องถิ่นผู้กว้างขวางเข้าไปใช้อิทธิพลออกบัตรสติกเกอร์คุ้มครองให้ชาวบ้านเข้าไปเก็บผลปาล์มออกมาขายให้แก่ตนเองโดยมิชอบ
โดยเจ้าหน้าที่ได้ตระเวนตรวจสอบ จนกระทั่งถึงเขตพื้นที่หมดสัมปทานหมู่ 19
ตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ พบชาย 2 คน กำลังใช้ขอเกี่ยวทะลายปาล์มลงจากต้น และนำไปใส่รถยนต์กระบะตอนเดียวสีน้ำเงิน ทะเบียน บท 329 ชุมพร รวมผลปาล์มทะลายน้ำหนัก 200 กก. จึงควบคุมคุมตัวมาสอบสวน ทราบชื่อคือ นายดำรงชัย ฤทธิ์สมเงิน อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 หมู่ 13 ตำบลหงส์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และนายบุญเลิศ จันทร์พิมล อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 หมู่ 10 ตำบลหงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร พร้อมตรวจยึดรถยนต์ ผลปาล์มทะลาย ขอเกี่ยว 4 อัน สติกเกอร์วงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 นิ้ว ขอบสีแดงพิมพ์ข้อความ “A241” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สมาชิกกลุ่ม
ห่างกันประมาณ 1 กม. เจ้าหน้าที่อีกชุดเจ้าหน้าที่พบชายหญิง 5 คน กำลังเกี่ยวปาล์ม และนำใส่รถยนต์กระบะตอนเดียว สีบรอนซ์ ทะเบียน ปพ 5266 ชุมพร จำนวน 1,500 กก. มีสติกเกอร์สมาชิกกลุ่มหมายเลข “A54” พร้อมควบคุมตัว นายวีระยุทธ กำลังงาน อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 232 หมู่ 10 ตำบลหงส์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร นายเจน มามุ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 189 หมู่ 14 ตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร น.ส.โสภี เสนารินทร์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 505 หมู่ 10 ตำบลหงส์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร นายวันศรี จรเมือง อายุ 47 ปี และนางดอกแก้ว จรเมือง
อายุ 35 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 462 หมู่ 10 ตำบลหงส์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สอบสวนบักทึกปากคำผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ให้การรับสารภาพตรงกันทั้งหมดว่า ได้มีนายก อบต.คนหนึ่งในพื้นที่ อ.ท่าแซะ ได้ว่าจ้างให้เข้าไปเก็บเกี่ยวผลปาล์มในพื้นที่เขตหมดอายุสัมปทาน โดยใช้สติกเกอร์เป็นสัญลักษณ์สมาชิกกลุ่ม เพื่อคุ้มครองอำนวยความสะดวกในการเข้าไปเก็บเกี่ยวผลปาล์มในพื้นที่ และนำไปส่งขายให้แก่ นายก อบต. คนดังกล่าว โดยได้ค่าแรงกิโลกรัมละ 2 บาท จนมาถูกจับกุมดังกล่าว เจ้าหน้าจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าแซะ
ในส่วนของผู้ต้องหาดำเนินคดีในข้อหาตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 ฐานร่วมกันก่อสร้างแผ้วถางหรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหา พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ฐานร่วมกันเข้าไปครอบครองทำประโยชน์หรืออาศัยในที่ดินก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่า หรือกระทำโดยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ พร้อมขยายผลเรียกตัวผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากการสอบสวนเชิงลึกของเจ้าหน้าที่พบว่า พื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันของบริษัท วิจิตรภัณฑ์สวนปาล์ม จำกัด จำนวน 19,000 ไร่ สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้วันละ 300 ตัน
ปัจจุบัน ราคาในท้องตลาดกิโลกรัมละ 4 บาท หรือตันละ 4,000 บาท คิดเป็นเงิน 1,200,000 บาทต่อวัน หลังหมดอายุสัมปทานไปเมื่อวันที่ 11 ก.พ.58 ที่ผ่านมา ได้มีนายก อบต. ผู้กว้างขวางอยู่ในเขตพื้นที่ อ.ท่าแซะ ได้เข้าไปรวบรวมจัดสรรเก็บผลประโยชน์ โดยการออกสติกเกอร์สมาชิกกลุ่มเพื่อคุ้มครองอำนวยความสะดวกในการให้เข้าไปเก็บเกี่ยวผลปาล์มมาขายให้แก่ลานปาล์มของตนเองในราคากิโลกรัมละ 2 บาท จากนั้นนายก อบต.คนดังกล่าว จะนำผลปาล์มทั้งหมดส่งไปขายต่อให้แก่โรงงานสกัดปาล์มน้ำมันในราคาท้องตลาดกิโลกรัมละ 4 บาท และหากใครไม่เข้าไปเป็นสมาชิกกลุ่มจะไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้ หากเข้าไปก็จะถูกอิทธิพลข่มขู่ จนมีชาวบ้านกว่า 300 คน ต้องเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม และเก็บผลปาล์มไปขายให้ดังกล่าว
