กระบี่ - ตรวจพบที่ดินสัมปทานของบริษัทเอกชนทำผิดเงื่อนไข นำที่ดินขายให้ชาวบ้าน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กระบี่ แจ้งกรมป่าไม้ยกเลิกสัญญา
นายอาคม ยุทธนา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ในการตรวจสอบการสัมปทานพื้นที่ป่า ซึ่งมีบริษัทต่างๆ ได้รับสัมปทานไป จำนวน 14 ราย และขณะนี้พบว่า มีหลายรายที่หมดสัญญาสัมปทานไปแล้ว และกำลังจะหมดอีกประมาณ 3 ราย
จากการตรวจสอบพบว่า มีบริษัทเอกชนรายหนึ่งที่กำลังจะหมดสัมปทานในเร็วๆ นี้ และได้มีการยื่นขอสัมปทานพื้นที่ป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 2 แปลง เพื่อใช้ประโยชน์ปลูกปาล์มน้ำมัน แปลงที่ 1 อยู่ในพื้นที่ป่าเขาขวาง ป่าโคกยาง และป่าช่องบางเหรียง ตำบลโคกยาง อำเภอเหนือคลอง ตำบลเพหลา อำเภอคลองท่อม และป่าช่องเสียด ป่าเขากลม และป่าเขาช่องบางเหรียง ตำบลพรุเตียว อำเภอเขาพนม รวมเนื้อที่ประมาณ 3,816 ไร่ โดยได้รับอนุญาตเข้าทำประโยชน์ เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2554-18 ก.ย.2558
ส่วนแปลงที่ 2 อยู่ในพื้นที่ป่าเขาขวาง ป่าโคกยาง และป่าช่องบางเหรียง ตำบลโคกยาง อำเภอเหนือคลอง ตำบลเพหลา อำเภอคลองท่อม ได้รับอนุญาตวันที่ 6 ธ.ค.2545-18 ก.ย.2558 รวมเนื้อที่ 8,206 ไร่ ต่อมา พื้นที่ดังกล่าวได้มีปัญหา โดยมีการนำที่ดินดังกล่าวไปขายให้แก่ชาวบ้าน และมีการปลูกยางพารา เนื้อที่ประมาณ 434 ไร่ ซึ่งเป็นการทำผิดสัญญาสัมปทาน ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ และได้ตรวจยึดพื้นที่ไว้เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2554 พร้อมกับได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง และเมื่อ ปี 55 ได้สรุปส่งเรื่องไปยังกรมป่าไม้ เพื่อขอทราบการดำเนินการต่อพื้นที่ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีข้อสรุป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับบริษัทดังกล่าวเดิมมีหุ้นส่วนทั้งคนไทย และต่างชาติ โดยหุ้นส่วนใหญ่เป็นชาวมาเลเซีย และได้ขายพื้นที่กว่า 1 พันไร่ ให้แก่กลุ่มทุน และประชาชนได้เงินหลายร้อยล้านบาท และได้ถอนหุ้นกลับประเทศไปแล้ว ยังคงเหลือผู้ถือหุ้นที่เป็นคนไทย และภายในบริษัทฯ เองก็เริ่มเกิดความขัดแย้งขึ้นอย่างหนัก จนเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 ได้เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงถล่มกันมาแล้ว แต่เคราะห์ดีที่แค่บาดเจ็บสาหัส ส่วนสาเหตุ เจ้าหน้าที่ตั้งประเด็นไว้ 2 ประเด็น คือ ขัดแย้งส่วนตัว และขัดแย้งเรื่องธุรกิจเกี่ยวที่ดินสัมปทานปลูกปาล์มน้ำมัน
นายอาคม ยุทธนา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ในการตรวจสอบการสัมปทานพื้นที่ป่า ซึ่งมีบริษัทต่างๆ ได้รับสัมปทานไป จำนวน 14 ราย และขณะนี้พบว่า มีหลายรายที่หมดสัญญาสัมปทานไปแล้ว และกำลังจะหมดอีกประมาณ 3 ราย
จากการตรวจสอบพบว่า มีบริษัทเอกชนรายหนึ่งที่กำลังจะหมดสัมปทานในเร็วๆ นี้ และได้มีการยื่นขอสัมปทานพื้นที่ป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 2 แปลง เพื่อใช้ประโยชน์ปลูกปาล์มน้ำมัน แปลงที่ 1 อยู่ในพื้นที่ป่าเขาขวาง ป่าโคกยาง และป่าช่องบางเหรียง ตำบลโคกยาง อำเภอเหนือคลอง ตำบลเพหลา อำเภอคลองท่อม และป่าช่องเสียด ป่าเขากลม และป่าเขาช่องบางเหรียง ตำบลพรุเตียว อำเภอเขาพนม รวมเนื้อที่ประมาณ 3,816 ไร่ โดยได้รับอนุญาตเข้าทำประโยชน์ เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2554-18 ก.ย.2558
ส่วนแปลงที่ 2 อยู่ในพื้นที่ป่าเขาขวาง ป่าโคกยาง และป่าช่องบางเหรียง ตำบลโคกยาง อำเภอเหนือคลอง ตำบลเพหลา อำเภอคลองท่อม ได้รับอนุญาตวันที่ 6 ธ.ค.2545-18 ก.ย.2558 รวมเนื้อที่ 8,206 ไร่ ต่อมา พื้นที่ดังกล่าวได้มีปัญหา โดยมีการนำที่ดินดังกล่าวไปขายให้แก่ชาวบ้าน และมีการปลูกยางพารา เนื้อที่ประมาณ 434 ไร่ ซึ่งเป็นการทำผิดสัญญาสัมปทาน ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ และได้ตรวจยึดพื้นที่ไว้เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2554 พร้อมกับได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง และเมื่อ ปี 55 ได้สรุปส่งเรื่องไปยังกรมป่าไม้ เพื่อขอทราบการดำเนินการต่อพื้นที่ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีข้อสรุป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับบริษัทดังกล่าวเดิมมีหุ้นส่วนทั้งคนไทย และต่างชาติ โดยหุ้นส่วนใหญ่เป็นชาวมาเลเซีย และได้ขายพื้นที่กว่า 1 พันไร่ ให้แก่กลุ่มทุน และประชาชนได้เงินหลายร้อยล้านบาท และได้ถอนหุ้นกลับประเทศไปแล้ว ยังคงเหลือผู้ถือหุ้นที่เป็นคนไทย และภายในบริษัทฯ เองก็เริ่มเกิดความขัดแย้งขึ้นอย่างหนัก จนเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 ได้เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงถล่มกันมาแล้ว แต่เคราะห์ดีที่แค่บาดเจ็บสาหัส ส่วนสาเหตุ เจ้าหน้าที่ตั้งประเด็นไว้ 2 ประเด็น คือ ขัดแย้งส่วนตัว และขัดแย้งเรื่องธุรกิจเกี่ยวที่ดินสัมปทานปลูกปาล์มน้ำมัน