ASTVผู้จัดการรายวัน-กนป.เดินหน้ามาตรการ 3 ระยะ ทั้งในระยะเร่งด่วน ระยะสั้น และระยะยาว เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืนทั้งระบบ
นายคนิต ลิขิตวิทยาวุฒิ รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินการของคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ กนป.ได้พิจารณาเห็นชอบแนวทางการดำเนินมาตรการการรักษาเสถียรภาพราคาทั้งระบบ ทั้งในระยะเร่งด่วน ระยะสั้น และระยะยาวเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืนทั้งระบบ โดยได้กำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันในแต่ละมาตรการ ดังนั้น มาตรการเร่งด่วน ให้กรมการค้าภายใน กำหนดราคาแนะนำในการรับซื้อผลปาล์มทะลาย ผลปาล์มร่วงและน้ำมันปาล์มดิบ โดยออกประกาศสำนักงานคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (สกกร.) ให้รับซื้อผลปาล์มทะลายและผลปาล์มร่วงในราคาเดียวกัน เปอร์เซ็นต์น้ำมันไม่ต่ำกว่า 17% กก.ละ 4.20 บาท ณ หน้าโรงสกัดน้ำมันปาล์มและจุดรับซื้อในพื้นที่หรือลานเท หากขายผลปาล์มที่มีเปอร์เซ็นต์น้ำมันสูงกว่า 17% ทุก 1% ที่เพิ่มขึ้นจะได้ราคาเพิ่มขึ้นอีก 0.30 บาท/กก. แต่ถ้าขายผลปาล์มที่เปอร์เซ็นต์น้ำมันต่ำกว่า 17% ทุก 1% จะลดราคา 0.25 บาท/กก. ทั้งนี้ จะผ่อนผันให้เกษตรกรสามารถขายผลผลิตที่มีน้ำมันไม่ต่ำกว่า 15% ในช่วง 3 เดือน เริ่มตั้งแต่พฤษภาคม-กรกฎาคม เพื่อให้เกษตรกรได้ปรับตัว แต่หลังจากนี้จะต้องเป็นไปตามที่กำหนดไว้
นอกจากนี้ กำหนดให้โรงกลั่นฯ โรงผลิตไบโอดีเซลและผู้รับซื้อน้ำมันดิบทั่วไปรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบในราคาไม่ต่ำกว่า กก.ละ 26.20 บาท เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันพืชปาล์มบรรจุขวดไม่สูงกว่าราคาเพดานคือไม่เกินลิตรละ 42 บาท โดยได้มอบหมายกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสภาเกษตรกรในการร่วมตรวจสอบสต็อกน้ำมันปาล์มเป็นรายโรงงานทุกเดือน ส่วนมาตรการระยะ 3 เดือน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด กำกับดูแลให้การรับซื้อของลานเทเป็นไปตามประกาศของ สกกร. พร้อมกันนี้ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะร่วมกันดำเนินการตรวจสอบพื้นที่เพาะปลูกปาล์มน้ำมันของเกษตรกร อายุปาล์มน้ำมันเพื่อให้ได้ข้อมูลการผลิตที่ถูกต้อง
สำหรับมาตรการระยะยาว ได้กำหนดเป็น 2 แนวทางคือให้กระทรวงอุตสาหกรรม ส่งเสริมให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม เกรด B พัฒนาศักยภาพการสกัดเพื่อให้สามารถสกัดปาล์มทะลายได้และแยกสกัดน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม และมอบหมายให้คณะอนุกรรมการยกร่างพระราชบัญญัติปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม เร่งรัดดำเนินการยกร่าง พ.ร.บ.ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม ซึ่งคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะมีการพิจารณาอนุมัติร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว
สำหรับการบริหารสต็อกน้ำมันปาล์มเพื่อป้องกันการขาดแคลนและดึงผลผลิตน้ำมันปาล์มส่วนเกินในบางช่วงเก็บไว้เพื่อลดการนำเข้า หากราคาปาล์มน้ำมันที่เกษตรกรขายได้ต่ำกว่า 4.20 บาทและน้ำมันปาล์มดิบต่ำกว่า 26.20 บาท ที่ประชุมได้เห็นชอบการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ CPO ปริมาณ 100,000 ตัน จากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ซึ่งองค์การคลังสินค้าจะเป็นผู้พิจารณาการเข้าไปรับซื้อในช่วงเวลาและจำนวนที่เหมาะสม ทั้งนี้ ได้ขอความร่วมมือจังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันช่วยประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจให้เกษตรกร ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องทั้งระบบให้ดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว เพื่อการแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันได้ทั้งระบบและยั่งยืน
นายคนิต ลิขิตวิทยาวุฒิ รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินการของคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ กนป.ได้พิจารณาเห็นชอบแนวทางการดำเนินมาตรการการรักษาเสถียรภาพราคาทั้งระบบ ทั้งในระยะเร่งด่วน ระยะสั้น และระยะยาวเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืนทั้งระบบ โดยได้กำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันในแต่ละมาตรการ ดังนั้น มาตรการเร่งด่วน ให้กรมการค้าภายใน กำหนดราคาแนะนำในการรับซื้อผลปาล์มทะลาย ผลปาล์มร่วงและน้ำมันปาล์มดิบ โดยออกประกาศสำนักงานคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (สกกร.) ให้รับซื้อผลปาล์มทะลายและผลปาล์มร่วงในราคาเดียวกัน เปอร์เซ็นต์น้ำมันไม่ต่ำกว่า 17% กก.ละ 4.20 บาท ณ หน้าโรงสกัดน้ำมันปาล์มและจุดรับซื้อในพื้นที่หรือลานเท หากขายผลปาล์มที่มีเปอร์เซ็นต์น้ำมันสูงกว่า 17% ทุก 1% ที่เพิ่มขึ้นจะได้ราคาเพิ่มขึ้นอีก 0.30 บาท/กก. แต่ถ้าขายผลปาล์มที่เปอร์เซ็นต์น้ำมันต่ำกว่า 17% ทุก 1% จะลดราคา 0.25 บาท/กก. ทั้งนี้ จะผ่อนผันให้เกษตรกรสามารถขายผลผลิตที่มีน้ำมันไม่ต่ำกว่า 15% ในช่วง 3 เดือน เริ่มตั้งแต่พฤษภาคม-กรกฎาคม เพื่อให้เกษตรกรได้ปรับตัว แต่หลังจากนี้จะต้องเป็นไปตามที่กำหนดไว้
นอกจากนี้ กำหนดให้โรงกลั่นฯ โรงผลิตไบโอดีเซลและผู้รับซื้อน้ำมันดิบทั่วไปรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบในราคาไม่ต่ำกว่า กก.ละ 26.20 บาท เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันพืชปาล์มบรรจุขวดไม่สูงกว่าราคาเพดานคือไม่เกินลิตรละ 42 บาท โดยได้มอบหมายกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสภาเกษตรกรในการร่วมตรวจสอบสต็อกน้ำมันปาล์มเป็นรายโรงงานทุกเดือน ส่วนมาตรการระยะ 3 เดือน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด กำกับดูแลให้การรับซื้อของลานเทเป็นไปตามประกาศของ สกกร. พร้อมกันนี้ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะร่วมกันดำเนินการตรวจสอบพื้นที่เพาะปลูกปาล์มน้ำมันของเกษตรกร อายุปาล์มน้ำมันเพื่อให้ได้ข้อมูลการผลิตที่ถูกต้อง
สำหรับมาตรการระยะยาว ได้กำหนดเป็น 2 แนวทางคือให้กระทรวงอุตสาหกรรม ส่งเสริมให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม เกรด B พัฒนาศักยภาพการสกัดเพื่อให้สามารถสกัดปาล์มทะลายได้และแยกสกัดน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม และมอบหมายให้คณะอนุกรรมการยกร่างพระราชบัญญัติปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม เร่งรัดดำเนินการยกร่าง พ.ร.บ.ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม ซึ่งคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะมีการพิจารณาอนุมัติร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว
สำหรับการบริหารสต็อกน้ำมันปาล์มเพื่อป้องกันการขาดแคลนและดึงผลผลิตน้ำมันปาล์มส่วนเกินในบางช่วงเก็บไว้เพื่อลดการนำเข้า หากราคาปาล์มน้ำมันที่เกษตรกรขายได้ต่ำกว่า 4.20 บาทและน้ำมันปาล์มดิบต่ำกว่า 26.20 บาท ที่ประชุมได้เห็นชอบการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ CPO ปริมาณ 100,000 ตัน จากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ซึ่งองค์การคลังสินค้าจะเป็นผู้พิจารณาการเข้าไปรับซื้อในช่วงเวลาและจำนวนที่เหมาะสม ทั้งนี้ ได้ขอความร่วมมือจังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันช่วยประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจให้เกษตรกร ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องทั้งระบบให้ดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว เพื่อการแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันได้ทั้งระบบและยั่งยืน