“พาณิชย์” เตรียมชง กนป.ไฟเขียวกำหนดให้โรงสกัดซื้อปาล์มสดจากเกษตรกรกิโลกรัมละ 4.20 บาท หวังดึงราคารับซื้อที่ลานเทให้ขึ้นมาที่ 4 บาท พร้อมขยับราคาน้ำมันปาล์มดิบกิโลกรัมละ 26.20 บาท ยืนยันน้ำมันขวดยังต่ำกว่าราคาควบคุม 42 บาท
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน วันที่ 20 พ.ค.นี้ กระทรวงพาณิชย์จะเสนอให้ที่ประชุมเห็นชอบการกำหนดให้โรงสกัดน้ำมันปาล์มรับซื้อผลปาล์มสดจากเกษตรกรที่กิโลกรัม (กก.) ละ 4.20 บาท ที่เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 17% จากเดิมที่กำหนดให้รับซื้อที่ กก.ละ 4 บาท ซึ่งจะส่งผลให้โรงกลั่นน้ำมันปาล์มต้องรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ กก.ละ 26.20 บาท แต่ราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดเพื่อการบริโภคยังคงขายไม่เกินราคาควบคุมที่ขวดลิตรละ 42 บาท เพราะการแข่งขันที่รุนแรงของผู้ผลิตทำให้ราคาที่ขายจริงในท้องตลาดต่ำกว่าขวดละ 40 บาทด้วยซ้ำ
สาเหตุที่ต้องกำหนดราคารับซื้อผลปาล์มสดหน้าโรงสกัดเพิ่มจาก กก.ละ 4 บาท เป็น 4.20 บาท เป็นเพราะหากกำหนดให้ซื้อที่ กก.ละ 4 บาท ลานเทจะรับซื้อจากเกษตรกรที่ กก.ละ 3.80 บาทเท่านั้นซึ่งเป็นราคาต่ำ เพราะลานเทมีค่าขนส่งไปยังโรงสกัดอีก ดังนั้น การปรับเพิ่มราคาที่ กก.ละ 4.20 บาท จะทำให้ลานเทสามารถรับซื้อได้ที่ กก.ละ 4 บาท ซึ่งเป็นราคาที่เกษตรกรอยู่ได้
“ราคาซื้อปาล์มสด และน้ำมันปาล์มดิบที่ กก.ละ 4.20 บาท และ กก.ละ 26.20 บาท ทุกฝ่ายยอมรับได้ แม้เกษตรกรบางส่วนยังต้องการที่ 5 บาท แต่ราคารับซื้อดังกล่าวจะใช้เฉพาะในช่วงนี้เท่านั้น หลังจากนี้คาดการณ์ราคาจะปรับขึ้นสูงกว่านี้เพราะผลผลิตจะเริ่มลดลง โดยล่าสุดได้รับรายงานว่าบางพื้นที่ราคาปาล์ม เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 17% อยู่ที่ กก.ละ 4.50 บาทแล้ว หาก กนป.เห็นชอบตามที่เสนอจะเรียกประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เพื่อออกประกาศกำหนดราคารับซื้อดังกล่าวต่อไป”
นอกจากนี้ จะเสนอให้ กนป.พิจารณาการแก้ปัญหาปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืน ทั้งกำหนดพื้นที่เพาะปลูกให้เหมาะสม การเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูก การจัดหาเครื่องวัดเปอร์เซ็นต์น้ำมัน จากปัจจุบันโรงสกัด และลานเทรับซื้อปาล์มจากเกษตรกรโดยไม่ใช้เครื่องวัดเปอร์เซ็นต์ แต่จะใช้ความชำนาญเฉพาะบุคคลแทน ซึ่งมักคลาดเคลื่อน และทำให้เกษตรกรขายปาล์มได้ในราคาต่ำกว่าความเป็นจริง รวมถึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์คาดการณ์ผลผลิตปาล์มแต่ละปีให้ถูกต้องแม่นยำ เพราะหากคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงมากจะทำให้กระทรวงพาณิชย์วางแผนรับมือผลผลิตมาก และราคาตกต่ำได้ยาก