กระบี่ - เรียกตัวนายท้าย พร้อมช่างเครื่องเรือซีแองเจิ้ล ครุยส์ 5 สอบปากคำ หลังพบปล่อยน้ำมันลงทะเล พีพี แจ้งข้อหาทำผิด พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย และ พ.ร.บ.อุทยาน 2504 ด้านนายท้ายเรืออ้างสตาร์ทเครื่องยนต์เรือโดยไม่ถอดปลีกไดโว่ ทำให้ดูดน้ำมันออกจากท้องเรือโดยไม่รู้ตัว
จากกรณี ดร.ธรณ์ ธรรมรงค์นาวาสวัสดิ์ สมาชิกสภาปริรูปแห่งชาติ (สปช.) และผู้เชี่ยวชาญด้านทะเลได้โพสต์ภาพ และข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ขณะเรือซีแองเจิล ครุยส์ 5 ซึ่งเป็นเรือโดยสารนำเที่ยวเกาะพีพี-ภูเก็ต ปล่อยน้ำมันลงทะเลที่บริเวณหน้าอ่าวต้นไทรนเกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดกระบี่ ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลาย และห่วงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเกาะพีพี โดยเฉพาะแหล่งสัตว์น้ำ และแหล่งปะรังน้ำตื้น จึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ และเอาผิดต่อเรือดังกล่าว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น.วันนี้ (1 พ.ค.) นายกรินทร์รัฐฐ์ หรือดิเรก อ่อนแก้ว อายุ 30 ปี บ้านเลขที่ 163ม.5ต.คลองชีล้อม อ.กันตัง จ.ตรัง นายท้ายเรือ ซีแองเจิ้ล ครุยส์ 5 และนายเกรียงเดช พลศักดิ์เดช อายุ 30 ปี บ้านเลขที่ 49ม.2 ต.เกาะกลาง อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ นายช่างเครื่อง ได้เดินทางมาให้ปากคำที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขากระบี่ โดยมีนายสุรศักดิ์ มงคลชัยศิริ เจ้าพนักงานขนส่งชำนาญการ เจ้าท่าภูมิภาคกระบี่ นายบุญแนม ช่วยระดม ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี และ พ.ต.ต.อนุรักษ์ ปริญาสถิรกุล สารวัตรสถานีตำรวจน้ำกระบี่ ร่วมสอบปากคำ
ทั้งนี้ นายเกรียงเดช ได้ให้การว่า เมื่อวันที่ 30 เม.ย.58.ได้รับแจ้งว่าเครื่องปั่นไฟเรือซีแองเจิ้ลฯ เสีย จึงได้มาดำเนินการซ่อมเครื่องยนต์จนเสร็จใช้งานได้ตามปกติ ตนก็ได้กลับเข้าฝั่ง จากนั้น นายท้ายเรือคือ นายกรินทร์รัฐฐ์ ทำการทดลองสตาร์ทเครื่องยนต์โดยที่ไม่ได้ถอดปลั๊กไดโว่ที่อยู่ใต้ท้องเรือออก เมื่อเครื่องยนต์ติดทำให้ไดโว่ดูดคราบน้ำมันที่อยู่ใต้ท้องเรือออกมาด้วยพร้อมกับน้ำ ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่าคราบน้ำมันถูกปล่อยลงทะเล มารู้อีกทีหลังเดินทางกลับที่ภูเก็ตแล้ว
เช่นเดียวกับ นายกรินทร์รัฐฐ์ นายท้ายเรือ ให้การในลักษณะเดียวกัน คือ ขณะสตาร์ทเครื่องลืมถอดปลั๊กไดโว่ที่สูบน้ำทิ้งใต้ท้องเรือซึ่งมีน้ำมันอยู่จำนวนมากหลังซ่อมเรือ ทำให้น้ำมันถูกปล่อยลงทะเลไม่น้อยกว่า 4 ลิตร และยอมรับว่าเกิดจากความประมาท แต่ไม่มีเจตนาที่จะปล่อยคราบน้ำมันลงทะเลแต่อย่างใด
ด้าน นายสุรศักด์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นก็จะรวบรวมบันทึกถ้อยคำ และหลักฐานซึ่งประกอบด้วยภาพถ่ายที่มีการเผยแพร่ก่อนหน้านี้เพื่อส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี ในข้อหาทำผิด พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย ว่าด้วยการปล่อยสิ่งอับเฉาลงในแม่น้ำเขตท่า หรือในทะเลทอดสมอเรือ พ.ร.บ.อุทยาน 2504 มาตรา16(13) ดำเนินการใดๆ ในเขตอุทยานโดยไม่ได้รับอนุญาต (18) ทิ้งขยะมูลฝอยหรือสิ่งต่างๆ ในที่ที่ไม่ได้จัดเตรียมไว้ และมาตรา18 ฐานไม่ปฏิบัติตาทมคำสั่งเจ้าหน้าที่ มีโทษทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะนำหลักฐาน และบันทึกถ้อยคำให้พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป
จากกรณี ดร.ธรณ์ ธรรมรงค์นาวาสวัสดิ์ สมาชิกสภาปริรูปแห่งชาติ (สปช.) และผู้เชี่ยวชาญด้านทะเลได้โพสต์ภาพ และข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ขณะเรือซีแองเจิล ครุยส์ 5 ซึ่งเป็นเรือโดยสารนำเที่ยวเกาะพีพี-ภูเก็ต ปล่อยน้ำมันลงทะเลที่บริเวณหน้าอ่าวต้นไทรนเกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดกระบี่ ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลาย และห่วงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเกาะพีพี โดยเฉพาะแหล่งสัตว์น้ำ และแหล่งปะรังน้ำตื้น จึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ และเอาผิดต่อเรือดังกล่าว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น.วันนี้ (1 พ.ค.) นายกรินทร์รัฐฐ์ หรือดิเรก อ่อนแก้ว อายุ 30 ปี บ้านเลขที่ 163ม.5ต.คลองชีล้อม อ.กันตัง จ.ตรัง นายท้ายเรือ ซีแองเจิ้ล ครุยส์ 5 และนายเกรียงเดช พลศักดิ์เดช อายุ 30 ปี บ้านเลขที่ 49ม.2 ต.เกาะกลาง อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ นายช่างเครื่อง ได้เดินทางมาให้ปากคำที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขากระบี่ โดยมีนายสุรศักดิ์ มงคลชัยศิริ เจ้าพนักงานขนส่งชำนาญการ เจ้าท่าภูมิภาคกระบี่ นายบุญแนม ช่วยระดม ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี และ พ.ต.ต.อนุรักษ์ ปริญาสถิรกุล สารวัตรสถานีตำรวจน้ำกระบี่ ร่วมสอบปากคำ
ทั้งนี้ นายเกรียงเดช ได้ให้การว่า เมื่อวันที่ 30 เม.ย.58.ได้รับแจ้งว่าเครื่องปั่นไฟเรือซีแองเจิ้ลฯ เสีย จึงได้มาดำเนินการซ่อมเครื่องยนต์จนเสร็จใช้งานได้ตามปกติ ตนก็ได้กลับเข้าฝั่ง จากนั้น นายท้ายเรือคือ นายกรินทร์รัฐฐ์ ทำการทดลองสตาร์ทเครื่องยนต์โดยที่ไม่ได้ถอดปลั๊กไดโว่ที่อยู่ใต้ท้องเรือออก เมื่อเครื่องยนต์ติดทำให้ไดโว่ดูดคราบน้ำมันที่อยู่ใต้ท้องเรือออกมาด้วยพร้อมกับน้ำ ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่าคราบน้ำมันถูกปล่อยลงทะเล มารู้อีกทีหลังเดินทางกลับที่ภูเก็ตแล้ว
เช่นเดียวกับ นายกรินทร์รัฐฐ์ นายท้ายเรือ ให้การในลักษณะเดียวกัน คือ ขณะสตาร์ทเครื่องลืมถอดปลั๊กไดโว่ที่สูบน้ำทิ้งใต้ท้องเรือซึ่งมีน้ำมันอยู่จำนวนมากหลังซ่อมเรือ ทำให้น้ำมันถูกปล่อยลงทะเลไม่น้อยกว่า 4 ลิตร และยอมรับว่าเกิดจากความประมาท แต่ไม่มีเจตนาที่จะปล่อยคราบน้ำมันลงทะเลแต่อย่างใด
ด้าน นายสุรศักด์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นก็จะรวบรวมบันทึกถ้อยคำ และหลักฐานซึ่งประกอบด้วยภาพถ่ายที่มีการเผยแพร่ก่อนหน้านี้เพื่อส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี ในข้อหาทำผิด พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย ว่าด้วยการปล่อยสิ่งอับเฉาลงในแม่น้ำเขตท่า หรือในทะเลทอดสมอเรือ พ.ร.บ.อุทยาน 2504 มาตรา16(13) ดำเนินการใดๆ ในเขตอุทยานโดยไม่ได้รับอนุญาต (18) ทิ้งขยะมูลฝอยหรือสิ่งต่างๆ ในที่ที่ไม่ได้จัดเตรียมไว้ และมาตรา18 ฐานไม่ปฏิบัติตาทมคำสั่งเจ้าหน้าที่ มีโทษทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะนำหลักฐาน และบันทึกถ้อยคำให้พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป