ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป ร่วมกับ กอ.รมน.สงขลา จัดเวทีโครงการคนไทยหัวใจเดียวกัน เพื่อรับฟังความคิดเห็นก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังถ่านหินใน อ.เทพา ผู้เห็นต่างเผยความขัดแย้งรุนแรงเริ่มมีการขู่ฆ่าผู้ไม่เอาโรงไฟฟ้า
วันนี้ (30 เม.ย.) ที่ห้องประชุมเพ็ชรมีรีสอร์ส อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสงขลา (กอ.รมน.) ได้จัดกิจกรรมโครงการคนไทยหัวใจเดียวกัน โดยเชิญประชาชนในพื้นที่ อ.เทพา และ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา จำนวน 200 คน เพื่อรับฟังความคิดเห็นในประเด็นปัญหาด้านความมั่นคง และการก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังถ่านหินใน ต.ปากบาง อ.เทพา โดยมีวิทยากรจาก องค์กรบริหารส่วนจังหวัด ศูนย์สันติสุข กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และตัวแทนสื่อมวลชน บรรยายในหัวข้อเรื่อง “การสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ” โดยมีนายสมโภชน์ โชติชูช่วง นายอำเภอเทพา เป็นประธานในการเปิดการสัมมนา
ในขณะที่ผู้ร่วมเวทีได้นำเอาปัญหาเรื่องโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ที่กำลังกลายเป็นประเด็นความขัดแย้งระหว่างผู้ที่เห็นด้วย และผู้ที่เห็นต่าง โดยกลุ่มผู้เห็นต่างมองเห็นถึงภัยของผลกระทบจากโรงงานไฟฟ้าถ่านหิน ในเรื่องของการทำลายทรัพยากร ทำลายอาชีพ และส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้คนในพื้นที่ แต่ผู้ที่เห็นด้วยมองถึงความเจริญที่จะเกิดขึ้น มองเห็นถึงผลประโยชน์จากการสนับสนุนทางการเงิน เพื่อสร้างวัตถุต่างๆ จนอาจจะกลายเป็นความขัดแย้ง และแตกแยกของคนในชุมชน โดยมีตัวแทนของผู้เข้าร่วมสัมมนาเปิดเผยว่า มีการข่มขู่หมายจะเอาชีวิตของผู้ที่เห็นต่าง หรือไม่ต้องการโรงไฟฟ้า มีการตรวจสอบรายชื่อผู้ที่เห็นต่าง โดยดำเนินการตามวิธีการต่างๆ เพื่อที่จะให้ผู้ที่ไม่เห็นด้วยหยุดการต่อต้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วใน อ.เทพา ในขณะนี้ โดยกลุ่มผู้ที่ไม่ต้องการโรงไฟฟ้าต่าง กล่าวว่า ทุกคนต้องการใช้ไฟฟ้า แต่ไม่ต้องการ มลพิษ และภัยที่เกิดจากโรงไฟฟ้า
โดย นายไชยยงค์ ได้กล่าววต่อผู้เข้าร่วมโครงการว่า วันนี้เรื่องของโรงไฟฟ้าถ่านหิน มีชุดความจริงอยู่ 2 ชุด คือ ชุดที่มาจากเจ้าของโครงการ และชุดที่มาจากเอ็นจีโอ หรือองค์กรพัฒนาเอกชน ดังนั้น สิ่งที่ต้องการเห็นคือ ให้ประชาชนทั้งกลุ่มผู้เห็นต่าง และเห็นด้วย อย่างเพิ่งตั้งประจันหน้าเป็นคนละพวกคนละฝ่าย แต่อยากจะเห็นทั้งสองฝ่ายแชร์ข้อมูลที่ได้ร่วมกันศึกษา ผลดี ผลเสีย รวมทั้งการศึกษาโรงไฟฟ้าถ่านหินที่มีอยู่ในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งประเทศอื่นๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ วันนี้โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ได้ทำ ค.1 และ ค.2 ไปแล้ว ดังนั้น ในเวที ค.3 ที่จะมีขึ้นทุกฝ่ายจะต้องใช้เวทีแห่งนี้ให้เป็นประโยชน์ และข้อสำคัญคือ ต้องเปิดใจให้กว้าง และเปิดเผยความจริง ทั้งเจ้าของโครงการ และประชาชนในพื้นที่
นายไชยยงค์ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงที่ทุกคนทราบคือ โรงไฟฟ้าถ่านหิน ทั้งที่ จ.กระบี่ และที่ จ.สงขลา ไม่ได้ทำเพื่อคนในพื้นที่เป็นหลัก แต่เป็นการสร้างเพื่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ โดย กฟผ.ให้เหตุผลว่า ถ้าไม่สร้างในอนาคตประเทศไทยอาจจะมืดมนเทื่อไฟฟ้าไม่พอใช้ นั่นหมายความว่า คนกระบี่ คนเทพา สงขลา จะต้องมีการเสียสละเพื่อความมั่นคงทางด้านพลังงานของประเทศ และแน่นอนว่าทุกโครงการที่เป็นโครงการใหญ่นั้นมีทั้งข้อดี และข้อเสีย แต่สุดท้ายแล้ว ถ้ามีข้อเสียมากกว่าคนในพื้นที่จะเป็นผู้ชี้ขาด และรัฐบาลเองก็ต้องรอบคอบในการตัดสินใจ และเชื่อว่าโรงฟ้าฟ้าถ่านหินที่ อ.เทพา แห่งนี้ยังต้องมีการจัดเวทีเพื่อให้เป็นเวทีแห่งความสมานฉันท์ของผู้เห็นด้วย และเห็นต่างอีกหลายครั้ง ซึ่งผู้ที่เป็นเจ้าภาพในการจัดเวที เพื่อหยุดความขัดแย้งจะต้องเป็นคนกลางที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียต่อโครงการนี้