สุราษฎร์ธานี - ปตท.สผ.จัดจัดกิจกรรมโครงการเปิดโลกมรดกทะเลไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ครั้งที่ 5 ที่กองบิน 7 สุราษฎร์ธานี เพื่อปลูกฝังให้เยาวชนรู้จักอนุรักษ์หวงแหนทรัพยากรทางน้ำให้ยั่งยืนตลอดไป
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (2 มี.ค.) นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการ เปิดโลกมรดกทะเลไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ครั้ง 5 ที่หอประชุมธูปะเตมีย์ กองบิน 7 อำเภอพุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 ก.พ. ถึงวันที่ 8 มี.ค.โดยมีนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 จากโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ประกอบด้วย โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และโรงเรียนภาคปกติทั่วภูมิภาคของประเทศไทย เข้าร่วมโครงการ จำนวน 45 โรงเรียน จาก 35 จังหวัด จำนวน 285 คน
เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนมีการเรียนรู้ด้านทรัพยาการทางทะเลและชายฝั่ง มีการเรียนรู้ความรู้พื้นฐานด้านความสำคัญ ประโยชน์ สภาพปัญหา และแนวทางการแก้ปัญหาของนิเวศชายฝั่งทะเลในรูปแบบฐานความรู้ (Walk rally) จำวน 12 ฐานความรู้ พร้อมทั้งส่งเสริมสร้างโอกาสประสบการณ์และทักษะด้านการดำน้ำ (Skin diving) และการดำน้ำแบบใช้เครื่องช่วยหายใจ (Scuba diving) ในสระน้ำ พร้อมภาคปฏิบัติการศึกษานิเวศชายฝั่งทะเลด้วยตนเอง ณ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ และการนำเสนอรายงานการเรียนรู้และประสบการณ์ภาคสนาม และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมการฝึกอบรมอีกด้วย
องคมนตรีได้ให้โอวาทแก่ผู้เข้าร่วมโครงการให้รู้จักรักษาหวงแหน และเห็นคุณค่าของทะเลไทย และขอให้ขยายโอกาสทางการศึกษาเช่นนี้ให้ครอบคลุมแก่เยาวชนในทุกภูมิภาคให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น เพราะทะเลไทยเป็นมรดกของประเทศไทย และของคนไทยทุกคน ไม่จำกัดเฉพาะคนที่อยู่ใกล้ทะเล หรือใช้ประโยชน์จากทะเล แต่คนที่อยู่ไกลจากทะเลก็สามารถมีส่วนร่วมสร้างจิตสาธารณะในการรักษาทะเลไทย มรดกอันล้ำค่าอย่างยั่งยืนสืบไป
นายศิริพงษ์ เฟื่องลิขิต ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายบริหารชุมชนสัมพันธ์ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิต ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน )ได้กล่าวว่า ปตท.สผ.ได้สนับกิจกรรมดังกล่าวมาเป็นระยะเวลา 5 ปีติดต่อกัน โดยมีเยาวชนจากทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการจะได้เก็บเกี่ยวนำความรู้ที่ได้รับไปปรับปรุงพัฒนา รัก และหวงแหนให้มรดกทะเลไทยยั่งยืนตลอดไป ซึ่งทะเลไทยไม่ใช่เป็นของคนที่อยู่ติดกับทะเล ทะเลไทยเป็นมรดกของคนไทยในชาติ ผู้เข้าร่วมโครงการจะนำความรู้ไปเผยแพร่ต่อไป
ประกอบกับสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานเพลงประจำโครงการถึง 2 เพลง รวมทั้งทรงพระราชทานชื่อโครงการจัดตั้งห้องสมุดทะเลประจำโรงเรียน ชื่อว่า ห้องสมุดทะเลสิรินธร เพื่อขายโอกาสแห่งการเรียนรู้ทางทะเลสู่โรงเรียนต่างๆ ทั่วภูมิภาคของประเทศไทย เพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนการสอน และเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาเรียนรู้ของเยาวชน ทาง ปตท.สผ. จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามเจตนารมณ์ของโครงการเพื่อปกป้องรักษาทะเลไทยให้เป็นมรดกของคนไทย และประเทศไทยอย่างยั่งยืนต่อไป
นายศิริพงษ์ ยังระบุอีกว่า สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ ปตท.สผ. ได้สืบปณิธานในการอนุรักษ์มรดกทะเลไทยตามแนวคิด จากทรัพย์ในดิน สู่สินทางปัญญา รักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่ง ปตท.สผ.ได้ยึดปฎิบัติในการดำเนินงานตลอดระยะเวลามากว่า 30 ปี และปีนี้นับเป็นปีที่ 5 ของการดำเนินงานโครงการเปิดโลกมรดกทะเลไทยในพระราชูปถัมภ์ฯ ภายใต้การสนับสนุนโดย ปตท.สผ. นับว่าเป็นโครงการที่ได้รับพระราชทานพระมหกรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นอเนกประการอย่างหาที่สุดมิได้
ซึ่ง ปตอ.สผ.ประทับใจ และขอชื่นชมคณะกรรมการดำเนินงานฯ ที่ได้นำความเจริญก้าวหน้า และความสำเร็จมาสู่โครงการที่ดีในระดับประเทศ ทั้งในการขยายโอกาสแห่งการเรียนรู้ทางทะเล การสร้างโอกาสทางสังคม และคุณภาพชีวิตที่ดีแก่เยาวชน รวมถึงการปลูกฝังสำนึกรักษามรดกทางทะเลให้ยั่งยืน ซึ่งแผนการดำเนินงานในระยะต่อไปที่ ปตท.สผ. และคณะกรรมการดำเนินงานฯ ได้มีความเห็นสอดคล้องกันคือ การเผยแพร่โครงการเปิดโลกมรดกทะเลไทยในพระชูปถัมภ์นี้ไปสู่ประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียนที่ ปตท.สผ.ดำเนินธุรกิจอยู่
และอีกแผนงานหนึ่งที่ได้ร่วมหารือกัน คือ การจัดทำโครงการและกิจกรรมที่มีลักษณะเป็นประโยชน์มั่งคง และยั่งยืน โดยเฉพาะมุ้งเน้นการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเลและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ภายใต้โครงการผืนป่าชายเลนในพระมหากรุณาธิคุณ เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดี และเผยแพร่พระเกียรติคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้ และร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (2 มี.ค.) นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการ เปิดโลกมรดกทะเลไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ครั้ง 5 ที่หอประชุมธูปะเตมีย์ กองบิน 7 อำเภอพุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 ก.พ. ถึงวันที่ 8 มี.ค.โดยมีนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 จากโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ประกอบด้วย โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และโรงเรียนภาคปกติทั่วภูมิภาคของประเทศไทย เข้าร่วมโครงการ จำนวน 45 โรงเรียน จาก 35 จังหวัด จำนวน 285 คน
เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนมีการเรียนรู้ด้านทรัพยาการทางทะเลและชายฝั่ง มีการเรียนรู้ความรู้พื้นฐานด้านความสำคัญ ประโยชน์ สภาพปัญหา และแนวทางการแก้ปัญหาของนิเวศชายฝั่งทะเลในรูปแบบฐานความรู้ (Walk rally) จำวน 12 ฐานความรู้ พร้อมทั้งส่งเสริมสร้างโอกาสประสบการณ์และทักษะด้านการดำน้ำ (Skin diving) และการดำน้ำแบบใช้เครื่องช่วยหายใจ (Scuba diving) ในสระน้ำ พร้อมภาคปฏิบัติการศึกษานิเวศชายฝั่งทะเลด้วยตนเอง ณ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ และการนำเสนอรายงานการเรียนรู้และประสบการณ์ภาคสนาม และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมการฝึกอบรมอีกด้วย
องคมนตรีได้ให้โอวาทแก่ผู้เข้าร่วมโครงการให้รู้จักรักษาหวงแหน และเห็นคุณค่าของทะเลไทย และขอให้ขยายโอกาสทางการศึกษาเช่นนี้ให้ครอบคลุมแก่เยาวชนในทุกภูมิภาคให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น เพราะทะเลไทยเป็นมรดกของประเทศไทย และของคนไทยทุกคน ไม่จำกัดเฉพาะคนที่อยู่ใกล้ทะเล หรือใช้ประโยชน์จากทะเล แต่คนที่อยู่ไกลจากทะเลก็สามารถมีส่วนร่วมสร้างจิตสาธารณะในการรักษาทะเลไทย มรดกอันล้ำค่าอย่างยั่งยืนสืบไป
นายศิริพงษ์ เฟื่องลิขิต ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายบริหารชุมชนสัมพันธ์ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิต ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน )ได้กล่าวว่า ปตท.สผ.ได้สนับกิจกรรมดังกล่าวมาเป็นระยะเวลา 5 ปีติดต่อกัน โดยมีเยาวชนจากทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการจะได้เก็บเกี่ยวนำความรู้ที่ได้รับไปปรับปรุงพัฒนา รัก และหวงแหนให้มรดกทะเลไทยยั่งยืนตลอดไป ซึ่งทะเลไทยไม่ใช่เป็นของคนที่อยู่ติดกับทะเล ทะเลไทยเป็นมรดกของคนไทยในชาติ ผู้เข้าร่วมโครงการจะนำความรู้ไปเผยแพร่ต่อไป
ประกอบกับสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานเพลงประจำโครงการถึง 2 เพลง รวมทั้งทรงพระราชทานชื่อโครงการจัดตั้งห้องสมุดทะเลประจำโรงเรียน ชื่อว่า ห้องสมุดทะเลสิรินธร เพื่อขายโอกาสแห่งการเรียนรู้ทางทะเลสู่โรงเรียนต่างๆ ทั่วภูมิภาคของประเทศไทย เพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนการสอน และเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาเรียนรู้ของเยาวชน ทาง ปตท.สผ. จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามเจตนารมณ์ของโครงการเพื่อปกป้องรักษาทะเลไทยให้เป็นมรดกของคนไทย และประเทศไทยอย่างยั่งยืนต่อไป
นายศิริพงษ์ ยังระบุอีกว่า สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ ปตท.สผ. ได้สืบปณิธานในการอนุรักษ์มรดกทะเลไทยตามแนวคิด จากทรัพย์ในดิน สู่สินทางปัญญา รักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่ง ปตท.สผ.ได้ยึดปฎิบัติในการดำเนินงานตลอดระยะเวลามากว่า 30 ปี และปีนี้นับเป็นปีที่ 5 ของการดำเนินงานโครงการเปิดโลกมรดกทะเลไทยในพระราชูปถัมภ์ฯ ภายใต้การสนับสนุนโดย ปตท.สผ. นับว่าเป็นโครงการที่ได้รับพระราชทานพระมหกรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นอเนกประการอย่างหาที่สุดมิได้
ซึ่ง ปตอ.สผ.ประทับใจ และขอชื่นชมคณะกรรมการดำเนินงานฯ ที่ได้นำความเจริญก้าวหน้า และความสำเร็จมาสู่โครงการที่ดีในระดับประเทศ ทั้งในการขยายโอกาสแห่งการเรียนรู้ทางทะเล การสร้างโอกาสทางสังคม และคุณภาพชีวิตที่ดีแก่เยาวชน รวมถึงการปลูกฝังสำนึกรักษามรดกทางทะเลให้ยั่งยืน ซึ่งแผนการดำเนินงานในระยะต่อไปที่ ปตท.สผ. และคณะกรรมการดำเนินงานฯ ได้มีความเห็นสอดคล้องกันคือ การเผยแพร่โครงการเปิดโลกมรดกทะเลไทยในพระชูปถัมภ์นี้ไปสู่ประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียนที่ ปตท.สผ.ดำเนินธุรกิจอยู่
และอีกแผนงานหนึ่งที่ได้ร่วมหารือกัน คือ การจัดทำโครงการและกิจกรรมที่มีลักษณะเป็นประโยชน์มั่งคง และยั่งยืน โดยเฉพาะมุ้งเน้นการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเลและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ภายใต้โครงการผืนป่าชายเลนในพระมหากรุณาธิคุณ เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดี และเผยแพร่พระเกียรติคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้ และร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
