ยะลา - ผู้ว่าฯ ยะลา สั่งการเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายร่วมกันสนธิกำลัง จำนวน 12 นาย เข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าไม้ หลังประชาชนแจ้งมีผู้บุกรุกโค่น พบไม้ยืนต้นขนาดเล็กถูกโค่นด้วยเลื่อยโซ่ยนต์จำนวนมากเป็นพื้นที่กว่า 10 ไร่ มีมูลค่าความเสียหายกว่า 2,000,000 บาท พร้อมสั่งยึดไม้ไว้เป็นของกลาง
วานนี้ (1 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายใต้นโยบายการปราบปรามผู้บุกรุกพื้นที่ป่า ตามที่นายสามารถ วราดิศัย ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พล.ต.ต.วิชิต ปักษา ผบก.ตชด.ภาค 4 พล.ต.พรศักดิ์ พูนสวัสดิ์ ผบ.กกล.ทพ.จชต. ได้สั่งการให้ จนท.กกล.ทพ.จชต. จนท.ฉก.ทพ.41 จนท.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ยล.1 (กาบัง) จนท.สายตรวจ กก.6 บก.ปทส.จ.ยะลา จนท.กก.ตชด.44 ,ฉก.ตชด.44 นำโดย ร.ต.ท.อรุณ กุลกัลยา และคณะเจ้าหน้าที่ จำนวน 12 นาย เข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าไม้
หลังได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า ในพื้นที่บนภูเขาสูงที่ต้นน้ำคลองปุด ท้องที่ ม.7 ต.บาละ อ.กาบัง จ.ยะลา มีกลุ่มบุคคล บุคคลเข้าไปลักลอบตัดไม้ทำลายป่าเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันออกตรวจเดินทางไปจากหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ยล.1 (กาบัง) บ.บ่อเก้า สุดถนนดินถึงจุดส่งลงเดินเท้า คณะเจ้าหน้าที่เดินเท้าไปทางทิศตะวันออก ผ่านสวนยางพารา ผ่านป่าไม้สมบูรณ์ เดินขึ้นยอดเขาสูงป่าไม้สมบูรณ์ ประมาณ 3 ชั่วโมง
ถึงพื้นที่ป่าไม้กำลังถูกทำลายแปลงที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล 159 เมตร ที่บ้านปาแตลีมา หมู่บ้านย่อยบ้านคลองปุด ม.7 ต.บาละ อ.กาบัง จ.ยะลา ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าลาบู-ป่าถ้ำทะลุ ต้นน้ำคลองปุด คลองเทพา คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมตรวจพื้นที่ป่าไม้กำลังถูกทำลาย ตรวจพบร่องรอยต้นไม้ยืนต้นมีค่าขนาดเล็กถูกตัดโค่นด้วยเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์เป็นบริเวณกว้าง ประมาณ 6-12 เดือน ป่าถูกเผาทำลายทั้งแปลง
ทางเจ้าหน้าที่จึงใช้เครื่องตรวจสอบพื้นที่ป่าไม้ถูกทำลายเสียหายได้ จำนวน 13 ไร่ 3 งาน 32 ตารางวา รัฐได้รับความเสียหายเป็นเงิน 2,074,500 บาท ทางเจ้าหน้าที่ได้ติดป้าย “คืนป่าให้พ่อแผ่นดิน” และทำการตรวจสอบตรวจยึดไว้เรียบร้อยแล้ว โดยกล่าวหาว่า กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 และ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 จากนั้นมอบหมายให้ พนักงานพิทักษ์ป่า ส.2 ประจำหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ยล.1 (กาบัง) นำเรื่องร้องทุกข์ต่อ พงส.สภ.กาบัง อ.กาบัง จ.ยะลา เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 ก.พ. เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าไม้ใน อ.กรงปินัง จ.ยะลา หลังรับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีกลุ่มบุคคลเข้าไปลักลอบตัดไม้ทำลายป่าไม้สมบูรณ์บนภูเขาสูง ต้นน้ำลำธาร ท้องที่ ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา จำนวนมากหลายจุด ทางเจ้าหน้าจึงได้ร่วมกันวางแผน และเข้าตรวจสอบพื้นที่ตามที่ได้รับแจ้งที่บ้านสะเก ม.1 ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา ถึงจุดส่งลงคณะเจ้าหน้าที่เดินเท้าผ่านสวนยางพารา ผ่านเข้าไปในป่าไม้สมบูรณ์บนภูเขาสูง ผ่านลำห้วย แล้วพบพื้นที่ป่าไม้สมบูรณ์กำลังถูกลักลอบทำลายใหม่ จำนวน 2 จุด
โดยจุดที่ 1 ที่ความสูงจากระดับทะเลปานกลาง 242 เมตร ท้องที่ป่า บ.สะเก หมู่ 1 ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขากาลอ ต้นน้ำคลองสะเก แม่น้ำปัตตานี เหนือเขื่อนปัตตานี จึงเฝ้าดูระยะหนึ่งไม่พบบุคคลใดในบริเวณพื้นที่ป่าไม้ถูกทำลาย และบริเวณใกล้เคียง จึงเข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าไม้ถูกทำลายโดยละเอียด พบต้นไม้มีค่าขนาดเล็ก-ขนาดกลาง ถูกตัดโค่นด้วยเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ ไม้พื้นล่าง ไม้ขนาดเล็ก ไม้ไผ่ วัชพืช ถูกตัดฟันด้วยมีดพร้า หรือขวาน ป่าไม้ถูกทำลายเป็นบริเวณกว้างจากแนวริมห้วยถึงแนวเชิงเขา มีการตัดโค่นไม้เพิ่มเติมลักษณะยังตัดโค่นไม่แล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตรวจวัดเนื้อพื้นที่ป่าไม้ถูกลักลอบทำลายเสียหาย จำนวน 11 ไร่ 1 งาน 78 ตารางวา รัฐได้รับความเสียหายเป็นเงิน 1,716,750 บาท
จุดที่ 2 ที่ท้องที่บ้านตะโละซูแม ม.2 ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา คณะเจ้าหน้าที่ ตรวจพบไม้ซุงท่อนกองระเกะระกะไม่เป็นระเบียบ ตรวจที่หน้าตัดของไม้ซุงท่อนทุกท่อน ไม่พบรูปรอยดวงตราของเจ้าพนักงานป่าไม้ตีประทับแต่อย่างใด เชื่อว่าเป็นไม้ที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย คณะเจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจชนิดไม้ เป็นชนิดไม้ทุเรียน จำนวน 24 ท่อน รวมปริมาตร 1.86 ลบ.ม. ค่าภาคหลวงเป็นเงิน 140 บาท ค่าเสียหายของรัฐเป็นเงิน 14,000 บาท
ซึ่งจากการตรวจบริเวณกองไม้ซุงท่อน ตรวจพบร่องรอยช้างชักลากไม้ซุงท่อนลงมาจาบนภูเขาสูง เจ้าหน้าที่จึงร่วมกันเดินตามรอยไปผ่านสวนยางพารา สวนผลไม้ ผ่านป่าไม้สมบูรณ์ ถึงบริเวณชายป่าบนภูเขาสูงป่าไม้สมบูรณ์บนภูเขาสูง ถึงพื้นที่ป่าไม้สมบูรณ์กำลังถูกลักลอบทำลายใหม่ ที่ความสูงจากระดับทะเลปานกลาง 122 เมตร ท้องที่ป่าบ้านตะโละซูแม หมู่ 2 ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา ในเขตป่าไม้ถาวร ต้นน้ำแม่น้ำปัตตานี เหนือเขื่อนปัตตานี จึงเข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าไม้ถาวรถูกทำลายโดยละเอียดพบต้นไม้มีค่าขนาดเล็ก-ขนาดกลาง ถูกตัดโค่นด้วยเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ ไม้พื้นล่าง ไม้ขนาดเล็ก ไม้ไผ่ วัชพืชยังไม่ถูกตัดฟัน ป่าไม้ถูกทำลายตามแนวเชิงเขา พบแต่ตอไม้ เศษไม้ กิ่งไม้ถูกตัดทิ้งอยู่ทั่วไป
คณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตรวจวัดเนื้อที่ป่าไม้ถูกทำลายเสียหาย จำนวน 1 ไร่ 2 งาน 34 ตารางวา รัฐได้รับความเสียหายเป็นเงิน 237,750 บาท ต้นไม้มีค่าขนาดต่างๆ ถูกตัดโค่นเสียหายอยู่ในพื้นที่ในป่าต้นน้ำลำธาร เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบเป็นชนิดไม้ทุเรียน จำนวน 24 ท่อน รวมปริมาตร 1.86 ลบ.ม.คณะเจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดไม้ซุงท่อนที่กองอยู่เพื่อดำเนินการตรวจสอบต่อไป โดยมอบให้ นายสาการียา ตาและ พนักงานพิทักษ์ป่า ส.2 ประจำหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ยล.3 (ลำพะยา) แจ้งความร้องทุกข์ต่อ พงส.สภ.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา เพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป