นครศรีธรรมราช - ตำรวจนครศรีธรรมราชระดมกำลัง 3 สภ.เตรียมทำแผนประกอบคำรับสารภาพสังหาร 4 ศพ แต่หลังจากที่ผู้ต้องหาเดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร ถึง สภ.เชียรใหญ่ ได้กลับคำให้การโดยปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาและขอสู้คดีโดยให้การในชั้นศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครศรีธรรมราช วันนี้ (27 ก.พ.) ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.อ.วีระพล มั่นเมือง รักษาราชการแทนรองผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ได้เตรียมกำลังตำรวจติดอาวุธกว่า 200 นาย เพื่อเตรียมรักษาความปลอดภัยพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อให้ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้เข้าทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังจากเจ้าหน้าที่รับตัวมาจากกรุงเทพมหานคร เดินทางเข้ามายัง สภ.ท้องที่เกิดเหตุท่ามกลางการดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ต่อมาหลังจากที่เดินทางมาถึงเจ้าหน้าที่คุมตัว นายไกรวิชญ์ สกุณา หรือโต๊ด หนึ่งในผู้ต้องทีมสังหารเข้าห้องควบคุมทันที ส่วน นายกลวัชร สุขรักษา หรือนก เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวเข้าสอบปากคำเพื่อเตรียมนำไปสู่การทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ปรากฏว่า นายกลวัชร ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ขอให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และขอให้การในชั้นศาลเพื่อสู้คดี ทำให้การทำแผนประกอบคำรับสารภาพทั้งหมดต้องถูกยกเลิกไปโดยปริยาย
อย่างไรก็ตาม ในการพูดคุยนอกสำนวนของเจ้าหน้าที่กับ นายกลวัชร ได้อธิบายถึงสาเหตุขั้นตอนและความจำเป็นต่อหน้าผู้สื่อข่าวว่า สาเหตุของการเกิดเหตุนั้นเนื่องจากถูกกลุ่มผู้ตายไล่ล่าเอาชีวิตมาแล้วอย่างน้อย 3 ครั้ง แต่รอดมาโดยตลอด จนกระทั่งต้องตัดสินใจป้องกันตัวเอง ส่วนอาวุธปืนเอ็ม 16 นั้นเป็นของ นายเกรียงไกร หรือบี ชุมทองหนึ่งในผู้เสียชีวิต ส่วนปืนขนาด 11 มม.ของตัวเองนั้นได้ซื้อต่อมาจากอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีคนหนึ่งซึ่งได้รับโอนทะเบียนมาอย่างถูกต้องก่อนเกิดเหตุไม่นาน
ในเวลาไล่เลี่ยกัน พล.ต.ต.เกียรติพงศ์ ขาวสำอาง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช และ พ.ต.อ.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผกก.กก.สส.ตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ได้รับมอบตัว นายยงยุทธ คงฉิม อายุ 32 ปี หนึ่งในผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีนี้ โดยนัดหมายเจ้าหน้าที่เข้ามอบตัวเพื่อเข้าสู้คดี
โดย นายยงยุทธ ให้การต่อเจ้าหน้าที่ว่า ก่อนเกิดเหตุนายกลวัชร ได้ชักชวนให้ดื่มเหล้าก่อนที่จะชวนไปเป็นเพื่อนในที่เกิดเหตุ โดยขณะที่เกิดเหตุนั้นไม่ได้ลงไปร่วมก่อเหตุเนื่องจากเมา และได้นั่งรออยู่ในรถก่อนที่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดซ้อน หลังจากนั้นไม่นาน นายกลวัชร กลับมาขึ้นรถพร้อมด้วย นายไกรวิชญ์ และขับออกมาจากที่เกิดเหตุโดยมีรถยนต์เก๋งขับออกมาด้วยอีก 1 คัน
อย่างไรก็ตาม ในคดีนี้ศาลจังหวัดปากพนังได้อนุมัติหมายจับกุมในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่น 3 ราย ประกอบด้วย นายไกรวิชญ์ สกุณา อายุ 23 ปี อยู่ 3/4 ถนนประชาวัฒนา ตำบลปากพนัง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช นายยงยุทธ คงฉิม อายุ 32 ปี อยู่ 19/1 หมู่ 2 ต.เสือหึง อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช และ นายกลวัชร หรือฉิม หรือนก สุขรักษา อายุ 42 ปี อยู่ 70 หมู่1 ต.บ้านเนิน อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราชในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และได้ถูกจับกุม 2 ราย มอบตัวอีก 1ราย ส่วนอีก 1 ราย เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ นายยงยุทธ เจ้าหน้าที่ได้กันเป็นประจักษ์พยาน และเข้าสู่กระบวนการคุ้มครองพยานแล้ว
พ.ต.อ.อนุชน ชามาตย์ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ได้ตรวจสอบประวัติของนายกลวัชร สุขรักษา พบว่า มีประวัติอาชญากรหลายคดี และได้ต่อสู้คดีจนหลุด โดยมีรายชื่ออยู่ในข่ายการติดตามพฤติการณ์อย่างใกล้ชิด ในแวดวงเกี่ยวเนื่องกับมือปืนรับจ้างอยู่ในภูธรภาค 9 ลำดับที่ 1 อยู่ในภูธรภาค 8 ลำดับที่ 3
ขณะที่ พล.ต.ต.เกียรติพงศ์ ขาวสำอาง ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า การทำแผนประกอบคำรับสารภาพต้องยกเลิกไปเนื่องจากผู้ต้องหารายสำคัญคือ นายกลวัชร ได้กลับคำให้การเป็นปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และขอให้การในชั้นศาล ซึ่งเป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่สามารถทำได้
“ไม่น่าหนักใจแม้ว่าผู้ต้องหาจะปฏิเสธ เพราะพนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานทางคดีชัดเจนมาก รวมทั้งรายงานการสืบสวน รวมทั้งของกลางต่างๆ ที่นายกลวัชร พาไปตรวจยึด ในส่วนของปืนนั้นอยู่ในระหว่างการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งหลักฐานอื่นๆ มีความหนักแน่นเพียงพอ ส่วนสาเหตุนั้นเป็นเรื่องของความขัดแย้งในธุรกิจนอกกฎหมาย คือ ถ้าพูดตรงมันเป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่ผิดกฎหมายแล้วไม่สามารถตกลงกันได้” ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรราช ระบุ
ส่วนการสืบสวนข้อมูลถึงประเด็นเชิงลึกนั้น รายงานการสืบสวนแจ้งว่า กลุ่มของนายกลวัชร รับงานบางอย่างไว้ในพื้นที่จังหวัดตรังมูลค่างาน 3 แสนบาท รับเงินแล้วแต่ยังไม่ได้ลงมือ ขณะที่ฝ่ายของผู้ตายซึ่งเป็นเครือข่ายเดียวกันได้ติดตามนายกลวัชร เพื่อเคลียร์ปัญหางานชิ้นนี้ แต่ปรากฏว่า ไม่สามารถตกลงกันได้จนถึงขั้นฆ่าล้างปัญหาในที่สุด
