ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ว่าฯ - นายก อบจ.ภูเก็ต ลงพื้นที่เคลียร์ปัญหาชาวบ้านอ่าวมะขาม รวมตัวปิดทางเข้าออกโรงแรม พันวา บีช ฟร้อนท์ รีสอร์ท เรียกร้องจี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมจี้หาตัวคนร้องเรียน หลังชาวสงสัยว่าเป็นคนร้องประกอบพิธีอาซานเสียงดัง สุดท้ายผู้ประกอบการยอมนัดวันจี้แจง 26 ก.พ.นี้
จากกรณีเมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (19 ก.พ.) ที่บริเวณหน้าโรงแรม ภูเก็ต พันวา บีช ฟร้อนท์ รีสอร์ท ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณบ้านอ่าวขาม หมู่ที่ 7 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้มีชาวบ้านในพื้นที่ กว่า 200 คน รวมตัวกันปิดทางเข้าออกของโรงแรม เพื่อเรียกร้องให้ทางโรงแรมออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีชาวบ้านสงสัยว่า ทางโรงแรมอาจจะเป็นผู้ยื่นหนังสือร้องเรียนไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า มัสยิด ม.7 ต.วิชิต ซึ่งมีจุดสังเกตอยู่ตรงข้ามกับโรงแรมภูเก็ต พันวา บีช ประกอบพิธีอาซานในช่วงเวลา 23.00-24.00 น. และเวลาประมาณ 05.00-0.60 น.เป็นประจำทุกวัน เป็นเวลา 1 เดือนมาแล้ว ทำให้ผู้ร้อง และประชาชนในพื้นที่ประสบปัญหาได้รับความเดือดร้อน ซึ่งในการรวมตัวครั้งนี้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำโดย นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต รวมเจรจาเพื่อหาข้อยุติ ซึ่งสามารถดำเนินการได้ระดับหนึ่ง แต่ยังไม่เป็นที่พอใจของชาวบ้านที่ยังคงเรียกร้องให้ทางผู้ประกอบการโรงแรมออกมาชี้แจงต่อชาวบ้านด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นคนทำหรือไม่ทำ
จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมหารือกับชาวบ้านในพื้นที่อีกครั้ง โดย นายณรงค์ คุ้มบ้าน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ต.วิชิต ได้ชี้แจงถึงสาเหตุที่มีการรวมตัวกันบริเวณหน้าโรงแรมดังกล่าวว่า เมื่อวานนี้ (17 ก.พ.) ผู้ใหญ่บ้านรวมทั้งตัวแทนชาวบ้านในชุมชน และอิหม่ามมัสยิดอิซซ่าตุ้ลอิสลาม บ้านอ่าวมะขาม ได้เข้าพบต่อทางเจ้าหน้าที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด หลังถูกเชิญไปชี้แจงกรณีมีการร้องเรียนเรื่องดังกล่าว
แต่เมื่อเห็นตัวหนังสือร้องเรียนที่ส่งมาจากสำนักนายกแล้วคิดว่า เป็นการร้องเรียนที่ไม่ถูกต้อง เพราะปกติจะไม่มีการละมาดในเวลา 23.00-24.00 น. และในช่วงเวลาอาซานก็จะใช้เวลาเพียงแค่ประมาณ 3 นาทีเท่านั้น หลังจากชี้แจงเสร็จทางตัวแทนก็ได้มีการกลับมาหารือ และแจ้งให้ชาวบ้านทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้น จนเป็นที่มาของการรวมตัวในครั้งนี้ เพื่อเรียกร้องให้ทางโรงแรมออกมาชี้แจงว่าเป็นผู้ส่งหนังสือร้องเรียนไปหรือไม่ เพราะในหนังสือที่ร้องเรียนมีการกล่าวอ้างถึงโรงแรมดังกล่าวด้วย รวมทั้งเรียกร้องให้หาตัวคนร้องเรียนมาเพื่อขอโทษต่อสิ่งที่ได้กระทำลงไป
หลังจากนั้น ทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายนิสิต ได้ประสานทางโทรศัพท์กับผู้ประกอบการโรงแรมเพื่อให้เดินทางมาชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งจากการประสานงาน ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต แจงต่อชาวบ้านที่มารวมตัวกันว่า ทางผู้ประกอบการแจ้งผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ว่า สามารถจองตั๋วเครื่องบินเดินทางลงมาได้ในวันที่ 26 ก.พ.นี้ และจะประชุมร่วมกับชาวบ้านได้ในเวลา 10.00 น. ที่โรงแรงแรม เพราะฉะนั้นในส่วนของชาวบ้านให้แต่งตั้งตัวแทนมาร่วมประชุมในวันดังกล่าว จำนวน 20 คน
ส่วนเรื่องของการหาตัวคนร้องตามข้อเรียกร้องของชาวบ้านซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าคนที่ร้องไปจะต้องมีชื่อชัดเจน เพราะมีการระบุในหนังสือที่ส่งกลับมาทางจังหวัดระบุว่า ให้ปกปิดชื่อ นามสกุล และหมายเลขโทรศัพท์ของคนร้อง เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายนิสิต กล่าวว่า ทางจังหวัดจะทำหนังสือสอบถามไปยังศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล เพื่อขอรายชื่อดังกล่าว ส่วนจะใช้เวลามากน้อยแค่ไหนยังไม่สามารถบอกได้ เพราะเกี่ยวกับเรื่องของข้อมูลข่าวสาร ซึ่งในเบื้องตนต้นจะประสานไปทางโทรศัพท์ก่อน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีการชี้แจงถึงแนวทางการหารือร่วมกัน ทางชาวบ้านพอใจ ส่วนหนึ่งยอมแยกย้ายกันเดินทางกลับ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งยังรวมตัวกันอยู่ที่เต็นท์บริเวณทางออกของโรงแรม
จากกรณีเมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (19 ก.พ.) ที่บริเวณหน้าโรงแรม ภูเก็ต พันวา บีช ฟร้อนท์ รีสอร์ท ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณบ้านอ่าวขาม หมู่ที่ 7 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้มีชาวบ้านในพื้นที่ กว่า 200 คน รวมตัวกันปิดทางเข้าออกของโรงแรม เพื่อเรียกร้องให้ทางโรงแรมออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีชาวบ้านสงสัยว่า ทางโรงแรมอาจจะเป็นผู้ยื่นหนังสือร้องเรียนไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า มัสยิด ม.7 ต.วิชิต ซึ่งมีจุดสังเกตอยู่ตรงข้ามกับโรงแรมภูเก็ต พันวา บีช ประกอบพิธีอาซานในช่วงเวลา 23.00-24.00 น. และเวลาประมาณ 05.00-0.60 น.เป็นประจำทุกวัน เป็นเวลา 1 เดือนมาแล้ว ทำให้ผู้ร้อง และประชาชนในพื้นที่ประสบปัญหาได้รับความเดือดร้อน ซึ่งในการรวมตัวครั้งนี้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำโดย นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต รวมเจรจาเพื่อหาข้อยุติ ซึ่งสามารถดำเนินการได้ระดับหนึ่ง แต่ยังไม่เป็นที่พอใจของชาวบ้านที่ยังคงเรียกร้องให้ทางผู้ประกอบการโรงแรมออกมาชี้แจงต่อชาวบ้านด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นคนทำหรือไม่ทำ
จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมหารือกับชาวบ้านในพื้นที่อีกครั้ง โดย นายณรงค์ คุ้มบ้าน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ต.วิชิต ได้ชี้แจงถึงสาเหตุที่มีการรวมตัวกันบริเวณหน้าโรงแรมดังกล่าวว่า เมื่อวานนี้ (17 ก.พ.) ผู้ใหญ่บ้านรวมทั้งตัวแทนชาวบ้านในชุมชน และอิหม่ามมัสยิดอิซซ่าตุ้ลอิสลาม บ้านอ่าวมะขาม ได้เข้าพบต่อทางเจ้าหน้าที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด หลังถูกเชิญไปชี้แจงกรณีมีการร้องเรียนเรื่องดังกล่าว
แต่เมื่อเห็นตัวหนังสือร้องเรียนที่ส่งมาจากสำนักนายกแล้วคิดว่า เป็นการร้องเรียนที่ไม่ถูกต้อง เพราะปกติจะไม่มีการละมาดในเวลา 23.00-24.00 น. และในช่วงเวลาอาซานก็จะใช้เวลาเพียงแค่ประมาณ 3 นาทีเท่านั้น หลังจากชี้แจงเสร็จทางตัวแทนก็ได้มีการกลับมาหารือ และแจ้งให้ชาวบ้านทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้น จนเป็นที่มาของการรวมตัวในครั้งนี้ เพื่อเรียกร้องให้ทางโรงแรมออกมาชี้แจงว่าเป็นผู้ส่งหนังสือร้องเรียนไปหรือไม่ เพราะในหนังสือที่ร้องเรียนมีการกล่าวอ้างถึงโรงแรมดังกล่าวด้วย รวมทั้งเรียกร้องให้หาตัวคนร้องเรียนมาเพื่อขอโทษต่อสิ่งที่ได้กระทำลงไป
หลังจากนั้น ทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายนิสิต ได้ประสานทางโทรศัพท์กับผู้ประกอบการโรงแรมเพื่อให้เดินทางมาชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งจากการประสานงาน ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต แจงต่อชาวบ้านที่มารวมตัวกันว่า ทางผู้ประกอบการแจ้งผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ว่า สามารถจองตั๋วเครื่องบินเดินทางลงมาได้ในวันที่ 26 ก.พ.นี้ และจะประชุมร่วมกับชาวบ้านได้ในเวลา 10.00 น. ที่โรงแรงแรม เพราะฉะนั้นในส่วนของชาวบ้านให้แต่งตั้งตัวแทนมาร่วมประชุมในวันดังกล่าว จำนวน 20 คน
ส่วนเรื่องของการหาตัวคนร้องตามข้อเรียกร้องของชาวบ้านซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าคนที่ร้องไปจะต้องมีชื่อชัดเจน เพราะมีการระบุในหนังสือที่ส่งกลับมาทางจังหวัดระบุว่า ให้ปกปิดชื่อ นามสกุล และหมายเลขโทรศัพท์ของคนร้อง เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายนิสิต กล่าวว่า ทางจังหวัดจะทำหนังสือสอบถามไปยังศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล เพื่อขอรายชื่อดังกล่าว ส่วนจะใช้เวลามากน้อยแค่ไหนยังไม่สามารถบอกได้ เพราะเกี่ยวกับเรื่องของข้อมูลข่าวสาร ซึ่งในเบื้องตนต้นจะประสานไปทางโทรศัพท์ก่อน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีการชี้แจงถึงแนวทางการหารือร่วมกัน ทางชาวบ้านพอใจ ส่วนหนึ่งยอมแยกย้ายกันเดินทางกลับ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งยังรวมตัวกันอยู่ที่เต็นท์บริเวณทางออกของโรงแรม