“ระนอง...ไม่ลองไม่รู้” เป็นวลีเด็ดๆสำหรับใช้ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดระนอง ที่นักท่องเที่ยวมักจะมองข้าม แต่ระนอง มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด “เที่ยวท่องล่องใต้” จึงอยากแนะนำให้ลองไปสัมผัสกับมนต์เสน่ห์แห่งเมืองระนองกันสักครั้ง เพราะถ้าได้ไปสักครั้งแล้ว เราเชื่อว่าคุณจะลืมไม่ลงกับความสวยงามของธรรมชาติที่ยังไม่ปรุงแต่ง เหมือนกับ “เที่ยวท่องล่องใต้” ที่ได้ไปสัมผัสมาแล้ว ทำให้รู้ว่าระนองมีอะไรดีๆ ซ่อนอยู่มากมาย รอให้เราๆ ท่านๆ ได้ไปสัมผัส ทั้งหาดทราย ชายทะเล สายน้ำ ผืนป่า และประวัติศาสตร์ความมาเป็นมาของเมืองแร่นองแห่งนี้ ที่รอให้ทุกคนไปค้นหา

“เที่ยวท่องล่องใต้” ร่วมทริปไปกับ ททท.ภูเก็ต และ ททท.ชุมพร พร้อมเพื่อนๆ สื่อมวลชนอีกหลายชีวิตไปสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ทริปนี้ทุกคนฟิน! สุดๆ กับธรรมชาติที่สุดแสนจะเวอร์จิน ของเกาะกำตก เกาะค้างคาว และเกาะญี่ปุ่นแหล่งพักผ่อน และดำน้ำดูปะการังที่สวยงามไม่แพ้จุดดำน้ำอื่นๆ ในทะเลอันดามัน

เรามาถึงท่าเทียบเรืออ่าวบางเบน ต.ม่วงกลาง อ.กะเปอร์ จ.ระนอง จุดขึ้นเรือไปยังเกาะกำตกและเกาะค้างคาวในช่วงที่น้ำทะเลกำลังลงพอดี ทำให้เห็นหาดทรายกว้างใหญ่ทอดตัวลงไปในทะเล แม้เม็ดทรายที่นี้จะไม่ขาวเหมือนหาดทรายทั่วไป แต่เราสัมผัสได้ถึงความละเอียดของเม็ดทรายที่ร่มรื่นไปด้วยทิวสนธรรมชาติ ถ้ามองไปจากที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติแหลมสน จะเห็นแนวต้นไม้ในทะเลซึ่งเป็นวิวที่สวยงามแปลกตา สลับกับเรือประมง และเรือหางยาวนำเที่ยวของชาวบ้านที่จอดเรียงรายรอบริการนักท่องเที่ยวไปยังเกาะแก่งต่างๆ



เราใช้บริการเรือหางยาวนำเที่ยวของชาวบ้านในบริเวณนั้น ที่รวมตัวตั้งเป็นกลุ่มบริการเรือนำเที่ยวอ่าวบางเบน เมื่อเรือออกสู่ทะเลกว้าง ท้องทะเลไม่เป็นใจต่อคณะของเราสักเท่าไหร่ คลื่นและลมค่อนข้างแรง แต่เราก็ไม่กังวลอะไรมากนัก ทุกคนสวมเสื้อชูชีพ และเชื่อในฝีมือของคนขับเรือหางยาวที่อยู่กับอาชีพนี้มาชั่วชีวิต และที่สำคัญ ความสวยงามของธรรมชาติ น้ำทะเลสีครามสวยจับใจ ใสกริบ มองออกไปข้างหน้ามีภูเขา และแนวโขดหินโอบล้อม 2 ด้าน เปิดช่องให้เรือหางยาวพาเราแล่นออกไปสู่ทะเลกว้าง และขณะที่เรือแล่นไปยังจุดหมาย ตลอดเส้นทางผ่านมีชายหาดขาวๆ สวยๆ ตามเกาะแก่ง ดึงสายตาเราให้ไปสัมผัสได้ไม่น้อย รวมทั้งวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้านที่กำลังวางอวนจับปลาอยู่ในท้องทะเล

นั่งเรือหางยาวฝ่าเกลียวคลื่นออกมาประมาณ 45 นาที เราก็ถึงจุดหมายแรกของการเที่ยวทะเลระนองครั้งนี้ “เกาะญี่ปุ่น” เป็นเกาะที่อยู่กึ่งกลางระหว่างเกาะกำใหญ่ กับเกาะกำนุ้ย เป็นเกาะเล็กๆ มีแนวชายหาดอยู่ด้านหน้า ทรายขาวละเอียด นุ่มเท้า น้ำทะเลใสเหมือนกระจก มองเห็นพื้นทรายขาวสะอาด บริเวณด้านหน้าของเกาะยังมีเกาะเล็กๆ อีกเกาะหนึ่ง ซึ่งเกาะนี้เป็นเกาะที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับการพักผ่อนแบบสบายๆ นอนฟังเสียงคลื่นชิลชิล




เมื่อเดินผ่านชายหาดเข้าไปในตัวเกาะประมาณ 10 เมตร ก็จะพบกับประวัติศาสตร์ และที่มาของชื่อเกาะญี่ปุ่น ที่มีเรื่องเล่ากันว่า เกาะแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ทหารญี่ปุ่นใช้เป็นที่ผลิตเสบียงอาหารเพื่อส่งไปให้ทหารญี่ปุ่นที่ประเทศพม่า ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังคงเหลือร่องรอยทางประวัติศาสตร์ให้เราได้ชม ทั้งเตาไฟที่ใช้สำหรับปรุงอาหาร นอกจากนั้น ที่เกาะแห่งนี้ชาวญี่ปุ่นเคยมาทำฟาร์มเลี้ยงหอยมุกด้วย


ดื่มด่ำกับธรรมชาติ และร่องรอยแห่งประวัติศาสตร์อย่างลงตัวที่เกาะญี่ปุ่นจนหนำใจแล้ว เราก็ออกเดินทางต่อไปยังเกาะกำตก หรืออ่าวเขาควาย ระหว่างเส้นทางที่เรือแล่นผ่านมีเกาะแก่งที่สวยงามอีกมากมายให้เราได้พักสายตา เมื่อเรือแล่นเข้ามาถึงปากอ่าวเขาควาย ก็ต้องตกตะลึงต่อความสวยงามที่ยากจะบรรยาย เมื่อพบกับหาดทรายที่ขาวสะอาดโอบโค้งเกือบเป็นวงกลมซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่ง และด้วยความมหัศจรรย์ของลักษณะชายหาดที่โค้งคล้ายเขาควาย ชาวเรือจึงเรียกอ่าวแห่งนี้ ว่า อ่าวเขาควาย หรือที่นักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งชื่อให้เหมะสมต่อความสวยงามของอ่าว นี้ ว่า The Blue Lagoon เนื่องจากน้ำทะเลที่ใส่ และเป็นสีคราม




เมื่อเราเดินผ่านหาดทรายที่เนียนนุ่มเพื่อขึ้นไปบนเกาะ ก็จะพบกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มานอนอาบแดดประปราย ปราศจากร่มเตียง หรือสิ่งรังสรรค์ปั้นแต่งใดๆ ทั้งสิ้น เดินต่อไปอีกนิดก็จะพบกับแนวต้นสน ต้นหูกวาง ต้นจิกทะเลที่กระจายตัวทั่วทั้งเกาะ ทำให้เกาะแห่งนี้มีความร่มรื่น เย็นสบาย เหมาะสำหรับการนอนพักผ่อนแบบชิลชิล และที่สำคัญของเกาะแห่งนี้ยังล้อมรอบไปด้วยชายหาด และน้ำทะเลที่สวยงาม สามารถเดินเล่นได้รอบเกาะเลยทีเดียว



สิ่งที่นักท่องเที่ยวจะท่องเตรียมเมื่อมาเที่ยวที่เกาะกำ คือ การจัดเตรียมอาหาร หรือเครื่องดื่มมาเอง เนื่องจากบนเกาะไม่มีร้านค้า หรือร้านอาหารไว้บริการ มีเพียงสิ่งอำนวยความสะดวกในเรื่องของห้องน้ำเท่านั้น ในวันที่เราเดินทางไปนั้นบริษัททัวร์เป็นผู้จัดการเรื่องอาหารมื้อเที่ยงเลี้ยงรับรอง

หลังจากอิ่มหนำสำราญกับอาหารมื้อเที่ยง และบรรยากาศที่แสนจะสุดยอดแล้ว เราก็ต้องจำลา “เกาะกำตก” ไปอย่างน่าเสียดาย เพื่อเดินทางต่อไปยัง “เกาะค้างคาว” ใช้เวลาไม่นานเรือก็มาถึง “เกาะค้างคาว” แค่สัมผัสแรกที่มองเห็นด้วยสายตาก็ต้องร้องว้าว! เกาะนี้สวยงามสุดๆ น้ำทะเลใส หาดทรายขาวละเอียด เมื่อเท้าแตะชายหาดเราสัมผัสได้ถึงความนุ่มละมุนของเม็ดทรายที่เกิดจากการสลายตัวทับถมของปะการัง ยากจะไปสัมผัสได้ที่หาดอื่นๆ

เกาะค้างคาว ยังเป็นจุดผักผ่อนที่ดีที่สุดอีกจุดหนึ่ง นักท่องเที่ยวสามารถอาศัยร่มเงาของต้นจิกทะเล ต้นหูกวาง ที่แผ่กิ่งก้านสาขาเป็นที่หลบแดดนอนพักผ่อนปลีกตัวออกจากความวุ่นวายของคนเมืองมานอนฟังเสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่งเบาๆ ลมพัดเย็นๆ อะไรสุขใจเท่านี้!! หรือสำหรับคนที่ชอบดำน้ำดูปะการังก็พลาดไม่ได้เช่นกัน ที่บริเวณหน้าเกาะค้างคาวแห่งนี้ เราสามารถลงไปแหวกว่าย เล่นน้ำ ดำน้ำตื้น ชมความสวยงามของปะการัง และธรรมชาติในท้องทะเลที่ยังคงความสมบูรณ์ไว้ให้เราได้ชื่นชม และตื่นเต้นกับโลกใต้ทะเลอย่างไม่รู้ลืม


ส่วนใครที่ไม่ชอบดำน้ำ ก็เลือกที่จะพักผ่อนนอนหลับสบายๆ บนพื้นทรายที่สุดแสนจะนุ่มราวกับนอนอยู่บนโลกแห่งความฝัน หรือจะเลือกนั่งแกว่งเปลรับลมเย็นๆ ก็ได้ แต่ถ้าเบื่อกับการนั่งเล่น นอนเล่นแล้ว ลองเดินด้วยเท้าเปล่าๆ ขึ้นไปทางตอนเหนือของเกาะ ก็จะได้พบกับความมหัศจรรย์ของชายหาดที่หินกลมมนเรียงรายอยู่เต็มชายหาด เมื่อเราย่างเท้าไปสัมผัส รู้สึกได้ถึงความแตกต่างเพราะก้อนหินที่อยู่บนชายหาดแห่งนี้กลมมน เวลาเดินรู้สึกได้เหมือนได้นวดเท้าไปตามแนวหินทำให้ผ่อนคลายได้อีกรูปแบบหนึ่ง และไม่ต้องกลัวว่าหินจะร้อนเพราะคลื่นจะซัดน้ำทะเลมากระทบหินก้อนเล็กตลอดเวลา



อยากจะไปกันแล้วละสิ!!!การเดินทางไปเกาะญี่ปุ่น เกาะกำตก และเกาะค้างค้าว สามารถใช้บริการเรือนำเที่ยวของกลุ่มเรือนำเที่ยวบ้านบางเบนได้เลย โปรแกรมท่องเที่ยวเริ่มตั้งแต่เวลา 8.00-16.00 น. โดยไปเที่ยวยัง เกาะกำตก เกาะกำใหญ่ เกาะญี่ปุ่น เกาะค้างคาว ติดต่อสอบถามได้ที่ บังใหม่ หรือนายห่าร่าไหม่ รักษา เป็นหัวหน้ากลุ่ม หมายเลขโทรศัพท์ 08-6271-0373 ราคาเช่าเรือไม่เกิน 10 คนต่อลำ ราคาวันละ 2,500 บาท เกิน 10 คน แต่ไม่เกิน 15 คน วันละ 3,000 บาทต่อลำ ซึ่งราคานี้รวมอุปกรณ์ดำน้ำ และรวมค่าประกันชีวิต
ถ้าคุณกำลังวางแผน หรือมองหาสถานที่สำหรับพักผ่อนในครั้งต่อไป ลองตัดสินใจเลือกเดินทางมาท่องเที่ยวที่เกาะญี่ปุ่น เกาะกำตก และเกาะค้างคาว แล้วคุณจะรู้ว่าระนอง ต้องมาอีกหลายๆ ครั้ง
“เที่ยวท่องล่องใต้” ร่วมทริปไปกับ ททท.ภูเก็ต และ ททท.ชุมพร พร้อมเพื่อนๆ สื่อมวลชนอีกหลายชีวิตไปสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ทริปนี้ทุกคนฟิน! สุดๆ กับธรรมชาติที่สุดแสนจะเวอร์จิน ของเกาะกำตก เกาะค้างคาว และเกาะญี่ปุ่นแหล่งพักผ่อน และดำน้ำดูปะการังที่สวยงามไม่แพ้จุดดำน้ำอื่นๆ ในทะเลอันดามัน
เรามาถึงท่าเทียบเรืออ่าวบางเบน ต.ม่วงกลาง อ.กะเปอร์ จ.ระนอง จุดขึ้นเรือไปยังเกาะกำตกและเกาะค้างคาวในช่วงที่น้ำทะเลกำลังลงพอดี ทำให้เห็นหาดทรายกว้างใหญ่ทอดตัวลงไปในทะเล แม้เม็ดทรายที่นี้จะไม่ขาวเหมือนหาดทรายทั่วไป แต่เราสัมผัสได้ถึงความละเอียดของเม็ดทรายที่ร่มรื่นไปด้วยทิวสนธรรมชาติ ถ้ามองไปจากที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติแหลมสน จะเห็นแนวต้นไม้ในทะเลซึ่งเป็นวิวที่สวยงามแปลกตา สลับกับเรือประมง และเรือหางยาวนำเที่ยวของชาวบ้านที่จอดเรียงรายรอบริการนักท่องเที่ยวไปยังเกาะแก่งต่างๆ
เราใช้บริการเรือหางยาวนำเที่ยวของชาวบ้านในบริเวณนั้น ที่รวมตัวตั้งเป็นกลุ่มบริการเรือนำเที่ยวอ่าวบางเบน เมื่อเรือออกสู่ทะเลกว้าง ท้องทะเลไม่เป็นใจต่อคณะของเราสักเท่าไหร่ คลื่นและลมค่อนข้างแรง แต่เราก็ไม่กังวลอะไรมากนัก ทุกคนสวมเสื้อชูชีพ และเชื่อในฝีมือของคนขับเรือหางยาวที่อยู่กับอาชีพนี้มาชั่วชีวิต และที่สำคัญ ความสวยงามของธรรมชาติ น้ำทะเลสีครามสวยจับใจ ใสกริบ มองออกไปข้างหน้ามีภูเขา และแนวโขดหินโอบล้อม 2 ด้าน เปิดช่องให้เรือหางยาวพาเราแล่นออกไปสู่ทะเลกว้าง และขณะที่เรือแล่นไปยังจุดหมาย ตลอดเส้นทางผ่านมีชายหาดขาวๆ สวยๆ ตามเกาะแก่ง ดึงสายตาเราให้ไปสัมผัสได้ไม่น้อย รวมทั้งวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้านที่กำลังวางอวนจับปลาอยู่ในท้องทะเล
นั่งเรือหางยาวฝ่าเกลียวคลื่นออกมาประมาณ 45 นาที เราก็ถึงจุดหมายแรกของการเที่ยวทะเลระนองครั้งนี้ “เกาะญี่ปุ่น” เป็นเกาะที่อยู่กึ่งกลางระหว่างเกาะกำใหญ่ กับเกาะกำนุ้ย เป็นเกาะเล็กๆ มีแนวชายหาดอยู่ด้านหน้า ทรายขาวละเอียด นุ่มเท้า น้ำทะเลใสเหมือนกระจก มองเห็นพื้นทรายขาวสะอาด บริเวณด้านหน้าของเกาะยังมีเกาะเล็กๆ อีกเกาะหนึ่ง ซึ่งเกาะนี้เป็นเกาะที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับการพักผ่อนแบบสบายๆ นอนฟังเสียงคลื่นชิลชิล
เมื่อเดินผ่านชายหาดเข้าไปในตัวเกาะประมาณ 10 เมตร ก็จะพบกับประวัติศาสตร์ และที่มาของชื่อเกาะญี่ปุ่น ที่มีเรื่องเล่ากันว่า เกาะแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ทหารญี่ปุ่นใช้เป็นที่ผลิตเสบียงอาหารเพื่อส่งไปให้ทหารญี่ปุ่นที่ประเทศพม่า ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังคงเหลือร่องรอยทางประวัติศาสตร์ให้เราได้ชม ทั้งเตาไฟที่ใช้สำหรับปรุงอาหาร นอกจากนั้น ที่เกาะแห่งนี้ชาวญี่ปุ่นเคยมาทำฟาร์มเลี้ยงหอยมุกด้วย
ดื่มด่ำกับธรรมชาติ และร่องรอยแห่งประวัติศาสตร์อย่างลงตัวที่เกาะญี่ปุ่นจนหนำใจแล้ว เราก็ออกเดินทางต่อไปยังเกาะกำตก หรืออ่าวเขาควาย ระหว่างเส้นทางที่เรือแล่นผ่านมีเกาะแก่งที่สวยงามอีกมากมายให้เราได้พักสายตา เมื่อเรือแล่นเข้ามาถึงปากอ่าวเขาควาย ก็ต้องตกตะลึงต่อความสวยงามที่ยากจะบรรยาย เมื่อพบกับหาดทรายที่ขาวสะอาดโอบโค้งเกือบเป็นวงกลมซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่ง และด้วยความมหัศจรรย์ของลักษณะชายหาดที่โค้งคล้ายเขาควาย ชาวเรือจึงเรียกอ่าวแห่งนี้ ว่า อ่าวเขาควาย หรือที่นักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งชื่อให้เหมะสมต่อความสวยงามของอ่าว นี้ ว่า The Blue Lagoon เนื่องจากน้ำทะเลที่ใส่ และเป็นสีคราม
เมื่อเราเดินผ่านหาดทรายที่เนียนนุ่มเพื่อขึ้นไปบนเกาะ ก็จะพบกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มานอนอาบแดดประปราย ปราศจากร่มเตียง หรือสิ่งรังสรรค์ปั้นแต่งใดๆ ทั้งสิ้น เดินต่อไปอีกนิดก็จะพบกับแนวต้นสน ต้นหูกวาง ต้นจิกทะเลที่กระจายตัวทั่วทั้งเกาะ ทำให้เกาะแห่งนี้มีความร่มรื่น เย็นสบาย เหมาะสำหรับการนอนพักผ่อนแบบชิลชิล และที่สำคัญของเกาะแห่งนี้ยังล้อมรอบไปด้วยชายหาด และน้ำทะเลที่สวยงาม สามารถเดินเล่นได้รอบเกาะเลยทีเดียว
สิ่งที่นักท่องเที่ยวจะท่องเตรียมเมื่อมาเที่ยวที่เกาะกำ คือ การจัดเตรียมอาหาร หรือเครื่องดื่มมาเอง เนื่องจากบนเกาะไม่มีร้านค้า หรือร้านอาหารไว้บริการ มีเพียงสิ่งอำนวยความสะดวกในเรื่องของห้องน้ำเท่านั้น ในวันที่เราเดินทางไปนั้นบริษัททัวร์เป็นผู้จัดการเรื่องอาหารมื้อเที่ยงเลี้ยงรับรอง
หลังจากอิ่มหนำสำราญกับอาหารมื้อเที่ยง และบรรยากาศที่แสนจะสุดยอดแล้ว เราก็ต้องจำลา “เกาะกำตก” ไปอย่างน่าเสียดาย เพื่อเดินทางต่อไปยัง “เกาะค้างคาว” ใช้เวลาไม่นานเรือก็มาถึง “เกาะค้างคาว” แค่สัมผัสแรกที่มองเห็นด้วยสายตาก็ต้องร้องว้าว! เกาะนี้สวยงามสุดๆ น้ำทะเลใส หาดทรายขาวละเอียด เมื่อเท้าแตะชายหาดเราสัมผัสได้ถึงความนุ่มละมุนของเม็ดทรายที่เกิดจากการสลายตัวทับถมของปะการัง ยากจะไปสัมผัสได้ที่หาดอื่นๆ
เกาะค้างคาว ยังเป็นจุดผักผ่อนที่ดีที่สุดอีกจุดหนึ่ง นักท่องเที่ยวสามารถอาศัยร่มเงาของต้นจิกทะเล ต้นหูกวาง ที่แผ่กิ่งก้านสาขาเป็นที่หลบแดดนอนพักผ่อนปลีกตัวออกจากความวุ่นวายของคนเมืองมานอนฟังเสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่งเบาๆ ลมพัดเย็นๆ อะไรสุขใจเท่านี้!! หรือสำหรับคนที่ชอบดำน้ำดูปะการังก็พลาดไม่ได้เช่นกัน ที่บริเวณหน้าเกาะค้างคาวแห่งนี้ เราสามารถลงไปแหวกว่าย เล่นน้ำ ดำน้ำตื้น ชมความสวยงามของปะการัง และธรรมชาติในท้องทะเลที่ยังคงความสมบูรณ์ไว้ให้เราได้ชื่นชม และตื่นเต้นกับโลกใต้ทะเลอย่างไม่รู้ลืม
ส่วนใครที่ไม่ชอบดำน้ำ ก็เลือกที่จะพักผ่อนนอนหลับสบายๆ บนพื้นทรายที่สุดแสนจะนุ่มราวกับนอนอยู่บนโลกแห่งความฝัน หรือจะเลือกนั่งแกว่งเปลรับลมเย็นๆ ก็ได้ แต่ถ้าเบื่อกับการนั่งเล่น นอนเล่นแล้ว ลองเดินด้วยเท้าเปล่าๆ ขึ้นไปทางตอนเหนือของเกาะ ก็จะได้พบกับความมหัศจรรย์ของชายหาดที่หินกลมมนเรียงรายอยู่เต็มชายหาด เมื่อเราย่างเท้าไปสัมผัส รู้สึกได้ถึงความแตกต่างเพราะก้อนหินที่อยู่บนชายหาดแห่งนี้กลมมน เวลาเดินรู้สึกได้เหมือนได้นวดเท้าไปตามแนวหินทำให้ผ่อนคลายได้อีกรูปแบบหนึ่ง และไม่ต้องกลัวว่าหินจะร้อนเพราะคลื่นจะซัดน้ำทะเลมากระทบหินก้อนเล็กตลอดเวลา
อยากจะไปกันแล้วละสิ!!!การเดินทางไปเกาะญี่ปุ่น เกาะกำตก และเกาะค้างค้าว สามารถใช้บริการเรือนำเที่ยวของกลุ่มเรือนำเที่ยวบ้านบางเบนได้เลย โปรแกรมท่องเที่ยวเริ่มตั้งแต่เวลา 8.00-16.00 น. โดยไปเที่ยวยัง เกาะกำตก เกาะกำใหญ่ เกาะญี่ปุ่น เกาะค้างคาว ติดต่อสอบถามได้ที่ บังใหม่ หรือนายห่าร่าไหม่ รักษา เป็นหัวหน้ากลุ่ม หมายเลขโทรศัพท์ 08-6271-0373 ราคาเช่าเรือไม่เกิน 10 คนต่อลำ ราคาวันละ 2,500 บาท เกิน 10 คน แต่ไม่เกิน 15 คน วันละ 3,000 บาทต่อลำ ซึ่งราคานี้รวมอุปกรณ์ดำน้ำ และรวมค่าประกันชีวิต
ถ้าคุณกำลังวางแผน หรือมองหาสถานที่สำหรับพักผ่อนในครั้งต่อไป ลองตัดสินใจเลือกเดินทางมาท่องเที่ยวที่เกาะญี่ปุ่น เกาะกำตก และเกาะค้างคาว แล้วคุณจะรู้ว่าระนอง ต้องมาอีกหลายๆ ครั้ง