พังงา - ตำรวจทางหลวงพังงา สกัดจับสาวใหญ่อดีตแม่ค้าหมู ขนยาบ้าเข้าจังหวัดกว่า 10,000 เม็ด อ้างรับจ้างขนจาก จ.สุราษฎร์ธานี เข้าพังงา เพื่อส่งให้ลูกค้าอีกทอด
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (5 ก.พ.) นายประยูร รัตนเสนีย์ ผวจ.พังงา พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมชาย เกาสำราญ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง นายสมชาย บำรุงทรัพย์ รอง ผวจ.พังงา พ.ต.อ.ภาคิน ณ ระนอง ผกก.7 บก.ทล. ร.ต.อ.ธรรมศักดิ์ พลเดช สว.ส.ทล.1 กก.7 บก.ทล. และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัว นางสิริรัตน์ รัศมี อายุ 43 ปี อดีตแม่ค้าเขียงหมูตลาดนัดในพื้นที่พังงา ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 54/253 ถ.ศรีพังงา ต.กระบี่ใหญ่ อ.เมือง จ.กระบี่ โดยจับกุมได้พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 10,100 เม็ด รถเก๋งยี่ห้อนิสสัน สีขาว ทะเบียน 3 กย 5332 กทม. จำนวน 1 คัน โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง
จากการสอบสวนทราบว่า ในช่วงเวลา 05.00 น.วันนี้ (5 ก.พ.) ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงพังงา ได้ตั้งจุดสกัดบนถนนสายอำเภอทับปุด-เมืองพังงา บริเวณหน้าที่ทำการเทศบาลตำบลบางเตย หมู่ที่ 3 ต.บางเตย อ.เมือง จ.พังงา นางสิริรัตน์ ได้ขับรถยนต์มาจากพื้นที่ อ.ทับปุด เข้าตัวเมืองพังงา เมื่อเห็นจุดสกัดได้จอดรถห่างจากจุดสกัดประมาณ 50 เมตร ในลักษณะมีพิรุธจึงขอเข้าตรวจค้น จากการตรวจค้นพบยาบ้าบรรจุอยู่ในกระเป๋าถือสีขาว ภายในห่อกระดาษสีน้ำตาลพันด้วยเทปพลาสติกใส ประทับตราสีแดงรูปมือจับกัน จำนวน 5 ห่อ เมื่อแกะห่อกระดาษออกมาพบยาบ้าบรรจุในถุงพลาสติกแบบรูดปิดเปิดสีฟ้า จำนวนห่อละ 10 ถุง ภายในบรรจุยาบ้าถุงละ 202 เม็ด รวมยาบ้าทั้งหมดเป็นจำนวน 10,100 เม็ด
ทางเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ทางด้าน นางสิริรัตน์ ให้การภาคเสธว่า ยาบ้าดังกล่าวไม่ใช่ของตัวเอง ซึ่งตนเองได้รับการติดต่อว่าจ้างทางโทรศัพท์ให้ไปรับยาเสพติดที่บริเวณศาลาพักผู้โดยสารแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยตกลงราคาค่าจ้างในจำนวนเงิน 30,000 บาท เพื่อให้ไปส่งในพื้นที่ อ.เมืองพังงา จ.พังงา ซึ่งผู้ว่าจ้างจะติดต่ออีกครั้งเมื่อถึงพื้นที่เมืองพังงา แต่ระหว่างทางพบด่านเจ้าหน้าที่จึงได้ตกใจ และจอดรถ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นจนพบยาบ้าดังกล่าว
นายประยูร รัตนเสนีย์ ผวจ.พังงา กล่าวว่า ในกรณีนี้พบว่าการกระทำผิดเกิดขึ้นในช่วงยามวิกาล ซึ่งเป็นเวลาที่สามารถหลบเลี่ยงเจ้าหน้าที่ได้ดีกว่าในช่วงกลางวัน จึงขอฝากทางเจ้าหน้าที่ และพลเมืองดีให้ช่วยเป็นหูเป็นตา ป้องกันและปราบปรามสิ่งที่ผิดสังเกต และการกระทำที่ผิดกฎหมาย ทั้งนี้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงที่เสียสละเวลาตั้งด่านตรวจ และสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (5 ก.พ.) นายประยูร รัตนเสนีย์ ผวจ.พังงา พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมชาย เกาสำราญ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง นายสมชาย บำรุงทรัพย์ รอง ผวจ.พังงา พ.ต.อ.ภาคิน ณ ระนอง ผกก.7 บก.ทล. ร.ต.อ.ธรรมศักดิ์ พลเดช สว.ส.ทล.1 กก.7 บก.ทล. และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัว นางสิริรัตน์ รัศมี อายุ 43 ปี อดีตแม่ค้าเขียงหมูตลาดนัดในพื้นที่พังงา ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 54/253 ถ.ศรีพังงา ต.กระบี่ใหญ่ อ.เมือง จ.กระบี่ โดยจับกุมได้พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 10,100 เม็ด รถเก๋งยี่ห้อนิสสัน สีขาว ทะเบียน 3 กย 5332 กทม. จำนวน 1 คัน โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง
จากการสอบสวนทราบว่า ในช่วงเวลา 05.00 น.วันนี้ (5 ก.พ.) ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงพังงา ได้ตั้งจุดสกัดบนถนนสายอำเภอทับปุด-เมืองพังงา บริเวณหน้าที่ทำการเทศบาลตำบลบางเตย หมู่ที่ 3 ต.บางเตย อ.เมือง จ.พังงา นางสิริรัตน์ ได้ขับรถยนต์มาจากพื้นที่ อ.ทับปุด เข้าตัวเมืองพังงา เมื่อเห็นจุดสกัดได้จอดรถห่างจากจุดสกัดประมาณ 50 เมตร ในลักษณะมีพิรุธจึงขอเข้าตรวจค้น จากการตรวจค้นพบยาบ้าบรรจุอยู่ในกระเป๋าถือสีขาว ภายในห่อกระดาษสีน้ำตาลพันด้วยเทปพลาสติกใส ประทับตราสีแดงรูปมือจับกัน จำนวน 5 ห่อ เมื่อแกะห่อกระดาษออกมาพบยาบ้าบรรจุในถุงพลาสติกแบบรูดปิดเปิดสีฟ้า จำนวนห่อละ 10 ถุง ภายในบรรจุยาบ้าถุงละ 202 เม็ด รวมยาบ้าทั้งหมดเป็นจำนวน 10,100 เม็ด
ทางเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ทางด้าน นางสิริรัตน์ ให้การภาคเสธว่า ยาบ้าดังกล่าวไม่ใช่ของตัวเอง ซึ่งตนเองได้รับการติดต่อว่าจ้างทางโทรศัพท์ให้ไปรับยาเสพติดที่บริเวณศาลาพักผู้โดยสารแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยตกลงราคาค่าจ้างในจำนวนเงิน 30,000 บาท เพื่อให้ไปส่งในพื้นที่ อ.เมืองพังงา จ.พังงา ซึ่งผู้ว่าจ้างจะติดต่ออีกครั้งเมื่อถึงพื้นที่เมืองพังงา แต่ระหว่างทางพบด่านเจ้าหน้าที่จึงได้ตกใจ และจอดรถ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นจนพบยาบ้าดังกล่าว
นายประยูร รัตนเสนีย์ ผวจ.พังงา กล่าวว่า ในกรณีนี้พบว่าการกระทำผิดเกิดขึ้นในช่วงยามวิกาล ซึ่งเป็นเวลาที่สามารถหลบเลี่ยงเจ้าหน้าที่ได้ดีกว่าในช่วงกลางวัน จึงขอฝากทางเจ้าหน้าที่ และพลเมืองดีให้ช่วยเป็นหูเป็นตา ป้องกันและปราบปรามสิ่งที่ผิดสังเกต และการกระทำที่ผิดกฎหมาย ทั้งนี้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงที่เสียสละเวลาตั้งด่านตรวจ และสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้
