ตำรวจทางหลวงแถลงจับผู้ต้องชาวนครพนม ลักลอบขนกัญชาอัดแท่งหนัก 400 กก. ขณะลำเลียง จาก อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น มุ่งหน้าเข้า กทม. มูลค่า 8 ล้านบาท
วันนี้ (8 ธ.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมชาย เกาสำราญ ผบก.ทล. พ.ต.อ.นิตินันท์ เพชรบรม รอง ผบก.ทล. พ.ต.อ.ไผ่พนา เพ็ชรเย็น ผกก.4 บก.ทล. พ.ต.ท.อานันท์ วิเศรษฐสมิต สว.ส.ทล.2 กก.4 บก.ทล. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.2 กก.4 บก.ทล. ร่วมกันแถลงการจับกุม นายอภิชาติ กางกำกัด อายุ 34 ปี ชาว จ.นครพนม พร้อมของกลางกัญชาอัดแท่ง จำนวน จำนวน 400 กิโลกรัม มูลค่า 8,000,000 บาท รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีทอง ทะเบียน สห 9263 กรุงเทพมหานคร และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง โดยสามารถจับกุมได้ที่ บริเวณถนนมิตร (ทล.2) ขาเข้ากรุงเทพฯ ระหว่าง กม.359-360 ต.ม่วงหวาน อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น สืบเนื่องจาก เมื่อเวลาประมาณ 02.30 น. ของวันที่ 8 ธ.ค. ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.สมชาย กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดจากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่ กทม. โดยใช้ถนนมิตรภาพ เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าจะมีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดลักลอบขนยาเสพติด เจ้าหน้าที่จึงได้ตั้งจุดสกัดบริเวณดังกล่าว กระทั่งพบรถต้องสงสัยขับผ่านมา จึงแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น นายอภิชาติ เป็นผู้ขับขี่ จากการตรวจค้นพบกัญชาอัดแท่งจำนวน 400 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่บริเวณห้องโดยสารหลังเบาะคนขับและหลังคาท้ายกระบะ
จากการสอบสวน นายอภิชาติ ได้ไปรับกัญชาจากพ่อค้าชาวลาว ที่บริเวณท้ายหมู่บ้านสะง้อ ต.หอคำ อ.เมือง จ.บึงกาฬ ให้นำไปส่งที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับค่าจ้าง 30,000 บาท โดยระหว่างทางมี นายพงษ์ (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) และนายสิทธิ (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) ขับรถยนต์จำนวน 2 คัน เพื่อสำรวจเส้นทาง และจะแจ้งเตือนเมื่อพบด่านตรวจของตำรวจ จะติดต่อผ่านโทรศัพท์มือถือเพื่อบอกตน
พล.ต.ต.สมชาย กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพบว่าหมายเลขทะเบียน สห 9263 กรุงเทพมหานคร ถูกย้ายไปใช้งานใน จ.ขอนแก่น แล้ว ซึ่งทะเบียนรถที่แท้จริงของรถคันนี้ คือ หมายเลขทะเบียน กพ 2954 ขอนแก่น ซึ่งถูกระงับ เนื่องจากขาดต่อภาษี ตั้งแต่ปี 2553 และยังพบอีกว่ารถคันดังกล่าวเคยใช้ลำเลียงยาเสพติดในลักษณะดังกล่าวมาแล้วเมื่อวันที่ 28 ส.ค. ที่ผ่านมา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ใช้เครื่องหมายที่นายทะเบียนออกให้สำหรับรถคันหนึ่งกับรถอีกคันหนึ่ง ก่อนนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย
