ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - จังหวัดสงขลา จัดอบรมให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ในส่วนงานด้านความมั่นคง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องแรงงาน เพื่อรับมือการเคลื่อนย้ายของภาคแรงงานเข้าสู่เขตเศรษฐกิจพิเศษ โดย จ.สงขลา เป็น 1 ใน 5 พื้นที่นำร่องเขตเศรษฐกิจพิเศษระยะแรกของรัฐบาล และ คสช.
วันนี้ (4 ก.พ.) ที่โรงแรมกรีนเวิลด์ พาเลส อ.เมืองสงขลา นายอนุชิต ตระกูลมุทุตา รองผู้ว่าราชการจังหวัด ประธานพิธีเปิดการฝึกอบรมเครือข่ายการป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านแรงงานต่างด้าวและหลบหนีเข้าเมือง เขตเศรษฐกิจพิเศษ จ.สงขลา เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการขับเคลื่อนแผนงานการพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษระยะแรกของรัฐบาล และ คสช. หลังจากรัฐบาลกำหนดให้จังหวัดสงขลา เป็นเขตเศรษฐกิจ 1 ใน 5 พื้นที่นำร่อง ในการดำเนินการเรื่องแรงงานและศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านแรงงาน โดยมีเจ้าหน้าที่ของส่วนงานด้านความมั่นคง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมอบรมกว่า 90 คน
พ.อ.ไพทูลย์ ผ่องพันธ์ หัวหน้าฝ่ายประสานงานส่วนแผนและประสานงาน ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้พื้นที่ชายแดนจังหวัดสงขลา เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษระยะแรก ประกอบกับการก่อตั้ง และรวมตัวกันของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในวันที่ 31 ธันวาคม 2558 ซึ่งจะทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยเป็นจำนวนมาก
ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 ซึ่งรับผิดชอบปัญหาเรื่องแรงงานต่างด้าว และผู้หลบหนีเข้าเมือง จึงได้จัดการอบรมนครั้งนี้ขึ้นเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้รับความรู้ และเข้าใจการดำเนินงานเรื่องแรงงานและศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านแรงงาน ซึ่งเป็นแผนงานที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะการจัดระบบแรงงานต่างด้าวให้เข้ามาทำงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน วันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการขับเคลื่อนแผนงานการพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ระยะแรกของรัฐบาล และ คสช. ซึ่งจะทำผู้เข้ารับการฝึกอบรมในครั้งนี้มีศักยภาพที่สูงขึ้น สามารถปฏิบัติงานตามแผนงานด้านต่างๆ ของเขตเศรษฐกิจพิเศษได้เป็นอย่างดี
สำหรับการฝึกอบรมในครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-5 กุมภาพันธ์ 2558 โดยดำเนินการในรูปแบบการอบรมให้ความรู้ และการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษของศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กองอำนวยการรักษาความมั่งคงภายในราชอาณาจักร เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายจะได้นำความรู้ที่ได้รับไปปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผล เพื่อให้การขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางของประชาคมอาเซียนในอนาคตต่อไป
