แกนนำชุมชน-องค์กรเอกชนชุมพร รวมพลังค้านสร้างท่าเรือน้ำลึก

ชุมพร - แกนนำชุมชน องค์กรเอกชน ชาวชุมพร รวมพลังคัดค้านโครงการสร้างท่าเรือน้ำลึก หลังกรมเจ้าท่า จ้าง 3 บริษัทยักษ์ใหญ่เข้าสำรวจพื้นที่

เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (28 ม.ค.) ที่ร้านอาหารทะเลทอง บ้านบ่อเมา หมู่ 1 ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร น.ส.ชิดสุภางค์ ชำนาญ เลขาธิการสมาคมเพื่อนสิ่งแวดล้อมชุมพร พร้อมด้วย นายสิทธิโชค เล็งไพบูลย์ เครือข่ายสมัชชาสุขภาพชุมพร นายธนเทพ กมศิลป์ คณะทำงานศูนย์อนุรักษ์ชายฝั่งทางทะเลที่ 3 ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี นายเกษม บุญชนะ เครือข่ายเกษตรกรชุมพร นายพนัด ดวงกมล ประธานกลุ่มปะทิวรักษ์ถิ่น นายโสพจน์ ธรรมรักษา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.ชุมโค นายวัชรินทร์ แสวงการ ภาคีเครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง ร่วมประชุมกำหนดแนวทางในการคัดค้านกรณีที่กรมเจ้าท่าได้ ได้ว่าจ้าง 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ ได้แก่ บริษัท นิวแอสเซทแอดไวเซอรี่ จำกัด ศึกษาด้านเศรษฐกิจ สังคมและองค์กร บริษัท เอเชี่ยน อ็นจิเนียริ่งคอนซัลแต้นส์ จำกัด ศึกษาด้านวิศวกรรมและบริหารโครงการ บริษัท เทศโก้ จำกัด ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม สุขภาพและกิจกรรมการมีส่วนร่วม เข้ามาทำการศึกษาสร้างท่าเรือน้ำลึกชุมพร

ในที่ประชุมได้มีความเห็นในแนวทางเดียวกันว่า โครงการดังกล่าวสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก อนาคตจะทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และสุขภาพเหมือนกับ จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง ซึ่งที่ผ่านมา กรมเจ้าท่าได้สร้างเรือน้ำลึกที่ จ.ระนอง และปัจจุบันยังปล่อยทิ้งร้างมานานนับ 10 ปีไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรถือเป็นการผลาญเงินภาษีของชาติ ดังนั้น จึงต้องออกแสดงจุดยืนคัดค้านจนถึงที่สุด

น.ส.ชิดสุภางค์ ชำนาญ เลขาธิการสมาคมเพื่อนสิ่งแวดล้อมชุมพร กล่าวว่า กรมเจ้าท่าได้ว่าจ้าง 3 บริษัทดังกล่าวเข้ามาศึกษาอยู่ในพื้นที่ จ.ชุมพร นานเกือบ 1 ปีแล้ว แต่ชุมชน ชาวบ้าน ไม่มีการรับรู้ข้อมูลเลย มีการติดต่อกันเฉพาะกลุ่มที่เห็นด้วย และพยายามติดต่อพูดคุยกับแกนนำบางคนเป็นการส่วนตัว แต่ไม่มีใครเล่นด้วย ซึ่งทุกคนตกลงกันว่าหากแกนนำรู้อะไรชาวบ้านจะต้องรู้ด้วย เนื่องจากกรมเจ้าท่ามีเป้าหมายที่จะสร้างท่าเรือน้ำลึกอยู่แล้ว ทำให้กระบวนการต่างๆ ไม่ค่อยเปิดเผย และโปร่งใส

ด้านนายธนเทพ กมศิลป์ คณะทำงานศูนย์อนุรักษ์ชายฝั่งทางทะเลที่ 3 ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ คือ กรมเจ้าท่า ได้ไปหยิบเอาผลการศึกษาโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกชุมพร ที่กรมขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ได้ว่าจ้างบริษัท ซีสเปคตรัม จำกัด และบริษัท แอนไว เอ็กซ์เพิร์ท จำกัด เข้ามาทำการศึกษา EIA ไว้เมื่อช่วงปี พ.ศ.2549-2551 ซึ่งผ่านมาแล้วถึง 7 ปี ขณะที่ปัจจุบันสังคมความเป็นอยู่ วิถีชุมชน ประชากรเปลี่ยนไป

แต่กลับนำมาปัดฝุ่นใหม่ว่าจ้างให้บริษัทที่ปรึกษาทั้ง 3 แห่ง ทำการต่อยอดใหม่ตามประกาศฉบับใหม่ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2553 ที่กำหนดให้โครงการขนาดใหญ่ที่อาจก่อผลกระทบอย่างรุนแรง จะต้องทำการศึกษาทั้ง EIA และ EHIA หรือศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน ดังนั้น โครงการดังกล่าวจะต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ไม่ใช่หยิบเอาของเก่ามาต่อยอดทำใหม่