กระบี่ - พาณิชย์กระบี่ ลุยตรวจราคาสินค้าตลาดสดมหาราช หลังได้รับการร้องเรียนราคาอาหารแพงเกินจริง ข้าวผัดกะเพราไก่ไข่ดาวจานละ 120-150 บาท กุ้งแชบ๊วย ราคา กก.ละ 2,500 บาท พบผู้ประกอบการหลายรายไม่ปิดป้ายราคา เบื้องต้นได้ทำการตักเตือน ขู่หากยังไม่แก้ไขจะใช้มาตรการลงโทษขั้นเด็ดขาด พร้อมสั่งให้เจ้าของร้านที่ขายกุ้งแชบ๊วย กก. 2,500 คืนเงินให้ผู้บริโภค
วันนี้ (27 ม.ค.) นายอรุณ ไม้ทิพย์ พาณิชย์จังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานการค้าภายในจังหวัดกระบี่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าตรวจสอบแผงจำหน่าย อาหาร และวัตถุดิบในการปรุงอาหาร ภายในตลาดสดมหาราช เขตเทศบาลเมือง จ.กระบี่ หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชน และนักท่องเที่ยวผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกระบี่ และสื่อสังคมออนไลน์ ว่า ราคาอาหารในจังหวัดกระบี่ มีราคาแพง เช่น ข้าวผัดกะเพราไก่ไข่ดาวจานละ 120-150 บาท กุ้งแชบ๊วย ราคา กก.ละ 2,500 บาท เป็นต้น ซึ่งการขายสินค้าราคาแพงดังกล่าวส่งผลกระทบในทางลบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่เป็นอย่างมาก
นายอรุณ ไม้ทิพย์ พาณิชย์จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบราคาสินค้าที่มีการจำหน่ายภายในตลาดสดมหาราชเทศบาลเมืองกระบี่ เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว มะพร้าว ผัก ผลไม้ และอาหารทะเล หลังได้รับการร้องเรียนว่า มีการจำหน่ายในราคาแพงกว่าที่อื่นๆ พบว่าราคาไม่ต่างกันมากนัก แต่พบว่าผู้ประกอบการหลายรายไม่ได้ติดป้ายราคาสินค้าเอาไว้ จึงได้มีการตักเตือนในเบื้องต้น และหลังจากนี้จะส่งเจ้าหน้าที่ติดตามผลอีกครั้ง หากยังไม่ดำเนินการก็จะใช้มาตรการลงโทษขั้นเด็ดขาด จับปรับ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนในเรื่องของราคาอาหารทะเลทางผู้ประกอบการอ้างว่าต้นทุนสูงนั้น ได้รับการชี้แจงจากผู้ประกอบการ ว่า ราคาจะขึ้นอยู่กับขนาด เช่น กุ้งทะเล ขนาด 8 ตัว ต่อ กก.นั้น ราคา กก.ละ 1,200 บาท หากขนาดเล็กลงมาก็อยู่ที่ กก.ละ 800-900 บาท เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่จะไม่เกิน 1,500 บาทต่อ กก.ขณะที่ราคาข้าวกะเพราไก่ไข่ดาวทีมีการร้องเรียนว่า มีการขายแพงเกินจริงนั้น ในเบื้องต้น ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว ทางผู้ประกอบการอ้างว่าวัตถุดิบแพง ซึ่งก็ได้มีการตักเตือนไปแล้ว และว่าราคาของข้าวกระเพราไก่ไข่ดาวตามร้านทั่วไป ราคาไม่ควรเกิน 45 บาท ส่วนร้านที่จำหน่ายกุ้งแชบ๊วย กก.ละ 2,500 บาท ก็ได้ตักเตือน และให้คืนเงินส่วนต่างแก่ลูกค้าแล้ว ซึ่งจะนำข้อมูลที่ได้ไปประกอบในการกำหนดราคาที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ก็จะตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด โดยประกอบด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากส่วนต่างๆ ลุยตรวจสอบแผงขายสินค้า และร้านอาหารตามพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้มีการจำหน่ายแก่ผู้บริโภคด้วยราคาที่เป็นธรรม คาดว่าอีกประมาณ 1 สัปดาห์ ก็จะสามารถลุยตรวจสอบได้ หากพบว่ามีการเอาเปรียบผู้บริโภคก็จะมีการดำเนินคดีคามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่มีการยกเว้น เพราะถือว่าได้ตักเตือนไปก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งนี้ เพื่อสนองนโยบายของกระทรวงฯ ที่อยากเห็นความเป็นธรรม ไม่มีการเอารัดเอาเปรียบเกิดขึ้นระหว่างผู้ซื้อ และผู้ขายต่อไป
