สอบงบปรับปรุง “สนามกีฬากลาง จ.นครศรีธรรมราช” หรือจะกลายเป็นสนามวัดใจ “สตง.”?!

 
โดย...นักข่าวชายขอบ
 
สนามกีฬากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ได้ผ่านการปรับปรุงลู่วิ่งยางโพลิเมอร์ และสนามฟุตบอล ด้วยงบประมาณ 13 ล้านบาทเศษ โดยวิธีการจัดซื้อจัดจ้างแบบวิธีพิเศษ และมีการส่งมอบงานไปเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา
 
แต่เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ “สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ภูมิภาคที่ 14 นครศรีธรรมราช” ได้เข้าทำการตรวจสอบความผิดปกติของเนื้องานซ่อมบำรุง หลังจากพบว่ามีเนื้องานที่ไม่ได้คุณภาพในหลายจุด ทั้งที่เพิ่งผ่านการส่งมอบงานไปเพียง 2 เดือน และช่วงเดือน พ.ย.2557 เทศบาลนครนครศรีธรรมราช ได้สั่งงดใช้สนาม โดยอ้างเหตุผลว่าสนามยังอยู่ในระหว่างการรับประกัน
 
ในการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ สตง.ครั้งนั้น มีเจ้าหน้าที่สำนักการช่าง เทศบาลนครนครศรีธรรมราช เป็นตัวแทนของผู้รับการตรวจ โดยในการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า สภาพของสนามฟุตบอลทรุดโทรมอย่างมาก ไม่ราบเรียบตามมาตรฐานที่ควรเป็น และเมื่อใช้มือกรุยผ่านพื้นหญ้าลงไปด้านล่างมีสภาพเป็นดินลูกรังอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งลู่วิ่งยางโพลิเมอร์หลุดล่อนเสียหายหลายจุด
 
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ สตง.ได้มีการเก็บหลักฐานต่างๆ ไว้ด้วย โดยหลังจากนี้จะมีการเรียกผู้เกี่ยวข้องหลายส่วนเข้าทำการสอบสวนในการใช้จ่ายเงินแผ่นดินว่า มีความผิดปกติ หรือคุ้มค่าต่อการใช้จ่ายหรือไม่
 
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการตรวจสอบของ สตง.ภูมิภาคที่ 14 โดยเจ้าหน้าที่ผู้เข้าตรวจสอบระบุว่า เป็นการตรวจสอบในวันแรก หลังจากได้รับคำสั่งให้เข้าดำเนินการ
 
- สตง.ลุยสอบสนามกีฬาเมืองคอน หลังเทศบาลใช้งบ 14 ล.ปรับปรุง พบไม่ได้มาตรฐานหลายจุด
http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9580000002182
 

 
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้า “ASTVผู้จัดการภาคใต้” ได้นำเสนอข้อมูลในลักษณะนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยการนำเสนอข่าวเป็นไปด้วยเจตนาสุจริต เพื่อให้เกิดการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของแผ่นดินโดยเทศบาลนครนครศรีธรรมราช อย่างการถมดินปรับพื้นที่สนามกีฬา มีการตรวจสอบกรณีมีการใช้รถยนต์บรรทุกน้ำของทางราชการเข้าไปให้การสนับสนุนผู้รับจ้างเหมาปรับปรุงสนามกีฬา ดังตัวอย่างเช่น...
 
- คาหนังคาเขา ทน.นครศรีธรรมราช ขนรถน้ำราชการช่วยเอื้อประโยชน์งานผู้รับเหมา http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9570000117858
 
การนำเสนอข่าวในครั้งนั้นสามารถบันทึกภาพทั้งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวไว้ได้ด้วย ในขณะที่มีการใช้รถน้ำ และคนงานเข้าทำงานในพื้นที่ส่งมอบให้ผู้รับเหมาปรับปรุงสนามกีฬาอย่างน่าสงสัยว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร?!
 
หรือการตรวจสอบในกรณีการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการเปลี่ยนป้ายชื่อซอย ในวงเงินป้ายละเกือบ 2 หมื่นบาท ในหัวข้อข่าว…
 
- ชาวบ้านโวย ทน.นครศรีฯ ติดป้ายใหม่ซ้อนป้ายเก่า ชี้เปลืองงบโดยใช่เหตุ
http://www.manager.co.th/south/viewnews.aspx?NewsID=9570000093239
 
หรือแม้กระทั่งการเช่าบ่อน้ำ วางท่อจัดจ้างวิธีพิเศษด้วยงบราว 10 ล้านบาท โดยอ้างว่าเป็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำดิบผลิตประปา และไม่สามารถใช้งานได้เลยในหัวข้อข่าว…
 
- ทน.นครศรีฯ เตรียมถลุงงบกว่า 56 ล้าน จัดจ้างพิเศษ อ้างเร่งแก้ปัญหาขาดประปา http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9570000086798
 
ทั้งนี้ การนำเสนอข่าวดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการทำหน้าที่ในฐานะสื่อมวลชนในการรักษาประโยชน์ของประชาชน และต้องบอกว่า ยังมีอีกหลายส่วนทั้งเรื่องเสาไฟฟ้าส่องสว่าง รวมถึงประติมากรรมหมู หมา กา ไก่ ปีนักษัตรต้นละกว่าครึ่งแสน อันติดตั้งตามรายทาง ซึ่งมีข่าวกระสานซ่านเซ็นแว่วให้ได้ยินประชาชนได้ยินว่า...
 
ผู้รับเหมาถึงกับเกิดอาการอึ้ง?!
 
เงินไม่ได้หามาง่ายๆ สำหรับสุจริตชนในยุคสมัยปัจจุบัน แต่ละบาทกว่าจะได้มา หรือส่วนที่จะถูกใช้จ่ายไปเป็นเรื่องที่ผู้เสียภาษีต้องเจ็บช้ำ เพราะนั่นคือเงินที่แต่ละปีต้องกระเบียดกระเสียร เจียดจ่ายให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปใช้มาจ่ายอย่างมือเติบ โดยที่ต่างกังขาถึงความคุ้มค่าของเม็ดเงินว่า การทำโครงการต่างๆ นั้นแพงเกินจริงหรือไม่ คุ้มค่าหรือไม่ หรือกระเด็นกระดอนไปตกหล่นไปอยู่ตรงไหนบ้างไหม เหตุใดคุณภาพของเนื้องานจึงออกมาเป็นเช่นนั้น
 
หรือแม้กระทั่งการใช้ประโยชน์ที่ไม่คุ้มค่าเลย หลายสิ่งหลายอย่างงบประมาณสูงลิ่วอย่างมีนัยสำคัญ แต่หลายส่วนที่รับผิดชอบกลับเลือกที่จะนิ่งเฉยมายาวนาน แม้ว่าจะพยายามชี้ให้เห็นถึงการหยามหมิ่นของผู้บริหารบางคนต่อองค์กรอิสระอย่างน่าตกใจ แต่ละข่าวแต่ละประเด็นเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และสามารถชี้ช่องให้องค์กรตรวจสอบเข้าถึงข้อเท็จจริงอย่างที่ประชาชนผู้เสียภาษีคาดหวังได้ไม่ยากนัก เพราะหมายถึงเส้นทาง และเบาะแสเหล่านั้นปรากฏขึ้นแล้วเป็นสำคัญ เพียงแค่ผู้ที่อำนาจหน้าที่เข้าสอบหาข้อเท็จจริงอย่างเข้มข้น และจริงจังเท่านั้น
 
แต่เมื่อช่วงก่อนสิ้นปี 2557 ที่ผ่านมา นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่า สตง.ได้มอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ สตง.ภูมิภาคที่ 14 นครศรีธรรมราช เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อบุคลากรของ “ASTVผู้จัดการภาคใต้” โดยอ้างความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ทั้งที่เป็นการทำหน้าที่ในฐานะสื่อมวลชนที่กล้านำเสนอข้อเท็จจริงมาโดยตลอด
 
หรือว่าการตรวจสอบสนามกีฬากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช เห็นทีจะเป็นสนามสำหรับวัดใจองค์กรอย่าง สตง.ไปเสียแล้ว?!?!