การเมืองท้องถิ่นสั่นคลอนหนัก 2 บัลลังก์พี่น้อง “เสนพงศ์” ที่เมืองคอน

นครศรีธรรมราช - 2 พี่น้องตระกูล “เสนพงศ์” ทั้งพี่ชาย และน้องชาย “เทพไท” อดีต ส.ส.สายล่อฟ้า ปชป.ที่ครอง 2 บัลลังก์ท้องถิ่นขนาดใหญ่เมืองคอนกำลังถูกสั่นคลอนอย่างหนัก เผยภายในวันเดียวถูกรุมยำเละงบปี’58 อย่างพร้อมหน้า “เชาวนวัศน์” ถูกสภา ทน.นครศรีฯ ติติงงบ 842 ล้าน ขณะที่ “มาโนช” ถูกสภา อบจ.นครศรีฯ คว่ำงบ 1,170 ล้าน

วันนี้ (14 ส.ค.) สถานการณ์การเมืองในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ อ.เมือง จ.ศรีธรรมราช ที่กุมบังเหียนโดยคนในตระกูล “เสนพงศ์” เริ่มทวีความตึงเครียดอย่างหนัก โดยเฉพาะเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ที่มี นายเชาวนวัศน์ เสนพงศ์ นั่งเป็นนายกเทศมนตรี และองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีธรรมราช ที่มี นายมาโนช เสนพงศ์ นั่งเป็นนายก อบจ. ซึ่งทั้งคู่คือพี่ชาย และน้องชายของ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งที่ผ่านมา ทั้ง 2 องค์กรต่างถูกวิพากษ์วิจารณ์มาอย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเคารพ อิสระไพบูลย์ ประธานสภาเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ได้เรียกประชุมสภาเทศบาลนคร (ทน.) นครศรีธรรมราช ในเวลา 09.30 น. ของวันนี้ (14 ส.ค.) หลังจากเมื่อวันที่ 4 ส.ค.การประชุมสภาได้ล่มไปแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) ไม่พอใจที่มีการผลักดันงบประมาณโครงการด้วยการจัดจ้างวิธีพิเศษ ซึ่งเป็นไปท่ามกลางข้อกังขามากมาย โดยในการเรียกประชุมครั้งนี้เพื่อพิจารณาญัตติสำคัญ ประกอบด้วย

1.การพิจารณาร่างเทศบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 วงเงิน 842 ล้านบาทเศษ ในกรอบของการใช้จ่ายตามแผนงานต่างๆ และ 2.การขอรับความเห็นชอบยืมเงินทุนสำรองสะสมจำนวน 27 ล้านบาท เพื่อวางท่อประปาจากโรงประปาทวดทองมายังโรงประปาประตูชัย ระยะทางกว่า 6 กม. โดยมีแผนที่จะจัดจ้างแบบวิธีพิเศษ ซึ่งได้ถูกตั้งข้อสังเกตถึงความเร่งรีบในการดำเนินการอย่างผิดปกติ ทั้งที่มีระบบท่อที่ถูกติดตั้งไว้แล้วกลับไม่มีการใช้งาน แต่พยายามที่จะดำเนินการสร้างใหม่

ภายหลังที่ประชุมได้พิจารณาในส่วนของร่างเทศบัญญัติรายจ่ายประจำปี 2558 ปรากฏว่า ได้มีการเห็นชอบ แต่ได้ตั้งคณะกรรมการแปรญัตติเพื่อปรับลดงบประมาณในหลายกรอบแผนงานในวาระที่ 2 โดยมีเป้าอย่างน้อย 30% ของทุกกรอบแผนงาน และบางส่วนจะต้องถูกตัดทั้งหมด เนื่องจากไม่มีความจำเป็น ขณะที่สมาชิกได้เตรียมที่อภิปรายถึงข้อสังเกต และข้อพิรุธหลายประการในโครงการวางท่อ ปรากฏว่า นายเชาวนวัศน์ เสนพงศ์ นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช ได้ขอถอนญัตตินี้ออกจากการพิจารณาไปก่อน ทำให้การประชุมเดินต่อไปได้

สำหรับสาระสำคัญที่ผู้บริหารเทศบาลนครนครศรีธรรมราชไม่สามารถตอบได้ถึงโครงการจัดวางท่อ คือ 1.) ปริมาณน้ำดิบที่มุ่งหมายจะทำการเช่าใช้บ่อทรายเก่าใน ต.ทราย อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช มีมากน้อยแค่ไหน 2.) เคยมีการประกวดราคาแบบวิธีปกติถึงการวางท่อ มีผู้ประกอบการยื่นซองถึง 18 ราย แต่ถูกยกเลิกไปโดยไม่ทราบสาเหตุ เป็นเพราะเหตุใด และ 3.) ท่อเชื่อมต่อชนิดไฟเบอร์กลาสแบบพิเศษ (ชนิดเดียวกับที่ใช้ทำถังก๊าซแบบใหม่) ที่วางจากทวดทองมาถึงประตูชัย ซึ่งมีการวางไปแล้ว มีการตรวจรับงานอย่างถูกต้อง แต่กลับถูกทิ้งอย่างไม่สนใจ หลายจุดถูกขุดถนนจนเสียหายแล้วไม่ซ่อมแซม แต่กลับมาลงทุนใหม่ และมุ่งหมายที่จะทำเฉพาะวิธีพิเศษ เพราะเหตุใด

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ในเวลาไล่เลี่ยกัน นายมาโนช เสนพงศ์ นายก อบจ.นครศรีธรรมราช ได้นำร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 เข้าสู่ที่ประชุมสภา อบจ.นครศรีธรรมราช เพื่อขอความเห็นชอบในวงเงิน 1,170 ล้านบาทเศษ ปรากฏว่า ที่ประชุมได้อภิปรายโจมตีการจัดตั้งงบประมาณที่กระจุกตัว มีการจัดตั้งงบกลางสูงเกินความจำเป็นถึงเกือบ 200 ล้านบาท รวมทั้งการจัดตั้งงบสำหรับโครงการ CCTV ที่สูงอย่างผิดสังเกต และงบประมาณการจัดซื้อเครื่องพ่นหมอกควันที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดเล็กมีใช้อยู่ทุกที่แล้ว

หลังจากการอภิปรายอย่างต่อเนื่องกว่า 2 ชั่วโมง ปรากฏว่า ที่ประชุมมีมติไม่เห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 ตามที่นายก อบจ.เสนอ ด้วยคะแนน 26 เสียง เห็นชอบ 8 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง ส่งผลให้ต้องการตั้งคณะกรรมการ 2 ฝ่าย จากฝ่ายบริหารและฝ่ายสภาจัดทำงบประมาณขึ้นใหม่ ส่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พิจารณาและส่งกลับมาให้นายก อบจ.นำงบกลับเข้าสู่สภาอีกครั้ง ซึ่งหากไม่ดำเนินการอาจส่งผลกระทบให้นายก อบจ.พ้นจากตำแหน่ง และถึงขั้นสภา อบจ.ถูกยุบไปด้วย

นายชัยชนะ เดชเดโช แกนนำสมาชิกสภา อบจ.นครศรีธรรมราช ระบุว่า สาเหตุที่มีการคว่ำร่างงบประมาณนั้น สืบเนื่องจากการจัดงบประมาณที่ไม่เป็นธรรม กระจุกตัว การไม่ผ่านความเห็นชอบก็เพื่อเปิดโอกาสทั้ง 2 ฝ่ายร่วมกันทำงบประมาณขึ้นมาใหม่ เพื่อความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายแล้วเพื่อความโปร่งใสมากขึ้น ท้ายที่สุดคือ ประโยชน์ของประชาชนนั่นเอง

ด้าน นายมาโนช เสนพงศ์ นายก อบจ.นครศรีธรรมราช แสดงความเห็นว่า การไม่ผ่านงบประมาณเป็นการตั้งธงไว้ล่วงหน้าของสมาชิกสภามาแล้ว ถือเป็นเรื่องการเมือง และการจัดทำงบประมาณถือว่ามีความจำเป็น ส่วนการจัดตั้งงบกลางนั้น เป็นเพราะมีภาระที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยและเงินอุดหนุนต่างๆ ที่เกิดขึ้น