นครศรีธรรมราช - ชาวประมงชายฝั่งแหลมตะลุมพุก ยังหวั่นคลื่นลมมรสุมไม่กล้านำเรือออกทะเลจับปลานานแล้วกว่า 3 สัปดาห์ ขณะเดียวกัน ริมชายฝั่งเต็มไปด้วย “ก้อนน้ำมัน” เป็นจำนวนมาก ด้านนักวิชาการชี้ตรวจ “ฟิงเกอร์ปรินต์” รู้แน่มาจากแท่นขุดเจาะน้ำมันบริษัทใด
วันนี้ (19 ธ.ค.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวประมงชายฝั่งในหมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 3 ตำบลแหลมตะลุมพุก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ยังกังวลต่อสภาพคลื่นลมแรงที่ไม่สามารถนำเรือออกทะเลทำประมงได้มากว่า 3 สัปดาห์แล้ว โดยเรือถูกลากขึ้นมาจอดบนถนนคอนกรีตในหมู่บ้าน บางส่วนถูกลากขึ้นไปเก็บไว้ในสวนมะพร้าว หลบกระแสคลื่นใหญ่ที่พัดเข้ามาจนถึงหมู่บ้านจากอิทธิพลของลมมรสุมอย่างน้อย 3 ระลอกแล้ว โดยต่างอยู่ในสภาพตึงเครียด เนื่องจากไม่มีรายได้ และบ้านเรือนถูกคลื่นลมซัดเข้ามาได้รับความเสียหาย รวมทั้งทรายที่เข้ามากองในบ้านจำนวนมากจากการพัดมาของทะเลเมื่อ 2 วันก่อน
ขณะเดียวกัน บริเวณชายหาดยังเต็มไปด้วยก้อนน้ำมันดิบลักษณะเดียวกันกับก้อนตัวอย่างที่นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเก็บไปตรวจสอบเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ถูกกระแสคลื่นพัดเข้ามาเกยหาดจำนวนมาก ชาวบ้านยิ่งวิตกกังวลถึงสภาพแวดล้อมที่อาจเสียหายจากก้อนน้ำมันดิบเหล่านี้ และเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบ
อย่างไรก็ตาม นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมรายหนึ่งระบุว่า ก้อนน้ำดิบสามารถตรวจสอบได้เนื่องจากมีคุณลักษณะที่เรียกว่าฟิงเกอร์ปรินต์ ทำนองเดียวกับลายนิ้วมือของคน หรือโครงสร้างดีเอ็นเอ จะสามารถวิเคราะห์หาโครงสร้าง และระบุได้ว่ามาจากแหล่งใดจะมีตัวอย่างฟิงเกอร์ปรินต์ทุกหลุมเจาะ ข้อมูลเหล่านี้มีอยู่ที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ สามารถเทียบเคียงได้ และรู้ได้ทันทีว่าแท่นใด บริษัทใดทำน้ำมันรั่วไหลออกมา ไม่ควรเงียบเฉยเพราะชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบไม่รู้ถึงข้อมูลนี้
ขณะที่ นายโกศล จิตนาคำ ชาวประมงพื้นบ้านหมู่ที่ 2 ตำบลแหลมตะลุมพุก เรียกร้องให้ทางการเข้าให้การช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจริงๆ จากทะเลกัดเซาะที่อยู่อาศัย โดยการเร่งจัดที่ดินปลูกสร้างบ้านใหม่ซึ่งได้ดำเนินการมากว่า 5 ปีแล้วยังไม่เป็นผล นอกจากนั้น หากมีที่ปลูกสร้างบ้านเรือนใหม่จะสามารถส่งเสริมอาชีพเสริมให้แก่ชาวประมงพื้นบ้านที่เดือดร้อนได้อีกด้วย