ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ประธานสภาการยางแห่งประเทศไทย ระบุราคายางพาราที่ตกต่ำในขณะนี้ถือว่าเลยจุดวิกฤตไปแล้ว พร้อมเผยการแก้ปัญหาด้านราคาต้องเพิ่มมูลค่าของยางพารา พัฒนาสู่การเป็นอุสาหกรรมยาง เตรียมยื่นหนังสือถึงรัฐบาลเสนอแนวทางแก้ปัญหา หวั่นระยะยาวเกษตรกรเลิกปลูกยางทั้งประเทศ
วันนี้ (11 ธ.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติ ม.อ. อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้มีการจัดเวทีเสวนาเรื่องของ “อนาคตยางพาราไทย จะไปทางไหน” โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแวดวงพาราหลายภาคส่วนมาร่วมกันหารือ และพุดคุยเกี่ยวกับวิกฤตราคายางพาราที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ โดยมีผู้ร่วมเสวนา เช่น นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสภาการยางแห่งประเทศไทย นายบุญส่ง นับทอง นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย รวมทั้งตัวแทนจากภาคประชาชน
นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสภาการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์ยางพาราปี 2557 อยู่ในภาวะที่เลยคำว่าวิกฤตมาแล้ว เพราะเป็นราคายางที่ตกต่ำที่สุดในรอบ 10 กว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาต้นทุนตามความเป็นจริงอยู่ที่กิโลกรัมละ 65.25 บาท แต่ปัจจุบันราคาขายยางพาราอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 30 กว่าบาทเท่านั้น
ขณะที่แนวทางการแก้ไขปัญหายางพารามีอยู่หลายแนวทาง แต่ที่สามารถทำได้ทันที คือ การพัฒนาไปสู่การเป็นอุตสาหกรรมยาง เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าของยางพารา และเพิ่มปริมาณการใช้ยางภายในประเทศให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงการที่รัฐบาลจะต้องเร่งส่งเสริมให้ประเทศไทยใช้ประโยชน์จากยางพาราที่มีอยู่ให้มากที่สุด เช่น การกำหนดใน TOR หรือขอบเขต/ร่างการทำงาน ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นำยางพาราไปเป็นส่วนผสม เช่น การทำถนน หรือพื้นยางสังเคราะห์ต่างๆ เป็นต้น
ประธานสภาการยางแห่งประเทศไทย ยังกล่าวอีกว่า หลังจากนี้เตรียมจะเข้ายื่นหนังสือต่อรัฐบาล เพื่อเสนอปัญหาแนวทางแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำ หลังจากพบว่าหลายมาตรการที่จะเป็นแนวทางแก้ปัญหายังไม่มีการปฏิบัติอย่างจริงจังจากรัฐบาล และยังมีความกังวลว่า ตั้งเวลาช่วงนี้ไปจนถึงเดือน ก.พ.58 ซึ่งเป็นช่วงที่มียางพาราออกมาสู่ตลาดมากที่สุด จะมีแนวโน้มราคาดิ่งลงมาอีก หากรัฐบาลยังปล่อยปละละเลยเรื่องนี้ ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นเกษตรกรชาวสวนยางคงจะต้องโค่นต้นยางทิ้งกันหมด รวมทั้งเลิกปลูกยางไปในที่สุด