ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ภาคีเครือข่ายนักวิชาการใต้ออกแถลงการณ์จี้ คสช.เลิกกฎอัยการศึก หยุดละเมิดสิทธิขึ้นพื้นฐานประชาชน ข้อมูลสภาทนายความชี้หลังปฏิวัติประชาชนถูกจับโดยไร้ข้อกล่าวหาแล้วกว่า 229 ราย มีนักโทษทางการเมืองกว่า 102 คน เผยกิจกรรมเสวนาทางวิชาการที่ผ่านมา ถูกทหารขวางเพียบ แนะหากไม่เลิกอัยการศึกอย่าหวังประเทศปรองดอง
จากการยึดอำนาจการปกครองประเทศของโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 นั้น ได้ส่งผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะผู้แสดงออกทางการเมืองที่ไม่ยอมรับต่อการรัฐประหาร ได้มีการควบคุมตัวบุคคลโดยไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา และมีการจับกุมประชาชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากข้อมูลของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (ณ วันที่ 28 ตุลาคม 2557) จำนวนประชาชนที่ถูกจับ และควบคุมตัว 291 ราย ถูกควบคุมตัวโดยไม่แจ้งข้อกล่าวหาและได้รับการปล่อยตัว 229 ราย จำนวนคดีที่ขึ้นสู่ศาลทหาร 69 คดี จำนวนคดีที่ขึ้นสู่ศาลพลเรือน 33 คดี และจำนวนนักโทษที่ถูกดำเนินคดีด้วยเหตุทางการเมือง 102 ราย อันประกอบด้วย นักวิชาการ สื่อมวลชน นักกิจกรรมทางสังคม นักศึกษา และประชาชนทั่วไป นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม หรือเสวนาทางวิชาการที่ถูกแทรกแซงไม่ให้จัด หรือควบคุมเนื้อหาอีกจำนวน 33 กิจกรรม ทำให้เกิดบรรยากาศภายในประเทศที่ประชาชนไม่สามารถแสดงออกซึ่งความคิดเห็นของตนเองได้อย่างเสรีภาพ
เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสังคมและองค์กรชุมชนภาคใต้ เห็นว่า การกระทำดังกล่าวข้างต้นเป็นการคุกคาม และละเมิดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1.ตามวิถีทางการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่ต้องเคารพสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ประชาชนทุกคนย่อมมีเสรีภาพในการแสดงออก ผ่านการพูด เขียน การแสดง หรือวิธีการอื่นใดเพื่อสื่อสารกับผู้อื่น รวมทั้งมีเสรีภาพในทางความคิด ตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองข้อ 18 และ 19 การกระทำของเจ้าหน้ารัฐโดยอาศัยอำนาจของกฎอัยศึกเป็นการละมิดต่อสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยสันติตามธรรมเนียมประเพณีในระบอบประชาธิปไตย
2.การที่เจ้าหน้าที่ทหารควบคุมประชาชนซึ่งมีความเห็นต่างโดยเหตุปัจจัยทางการเมือง ทั้งที่ควรจะยอมรับในการแสดงออกในความเห็นที่แตกต่าง และไม่ละเมิดต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แม้กฎอัยการศึกจะให้อำนาจในการประกาศ และอำนาจในการสั่งห้ามประชาชนในการกระทำการต่างๆ อย่างกว้างขวาง แต่หน่วยงาน และเจ้าหน้าที่ผู้ใช้อำนาจพึงต้องระลึกว่าการใช้อำนาจต้องผูกพันตามสิทธิ เสรีภาพ ตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิเสรีภาพของประชาชน
3.นับแต่การรัฐประหารในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 มีการใช้อำนาจ การประกาศใช้กฎอัยการศึก การดำเนินคดีต่อเหตุการณ์ และกิจกรรมทางการเมืองที่มีลักษณะเป็นการลิดรอนสิทธิ เสรีภาพ อิสรภาพของบุคคล เป็นการจำกัดพื้นที่ของการแสดงออก และการมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างสันติ ไม่เป็นผลดีต่อการสร้างความปรองดองอย่างยั่งยืนที่สะท้อนต่อสภาพ และรากเหง้าของความขัดแย้ง อีกทั้งนำไปสู่การเพิ่มความขัดแย้ง ชิงชัง ให้บาดลึกในสังคมมากขึ้นไปอีก
ทางองค์กรฯ จึงขอเรียกร้องต่อผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม และการใช้อำนาจบริหารประเทศ ดังนี้ 1.ยุติการจับกุม คุมขัง การดำเนินคดี หรือการใช้อำนาจในรูปแบบใด ที่ส่งผล หรือมีวัตถุประสงค์เป็นการคุกคาม ทำลาย หรือละเมิดเสรีภาพในการแสดงออกโดยสันติภายใต้หลักการประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน 2.ขอให้ประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก เพื่อมุ่งไปสู่การปฏิรูปประเทศร่วมกันของประชาชนทุกภาคส่วนในประเทศบนพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย
ด้วยความเคารพในสิทธิมนุษยชน และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสังคมและองค์กรชุมชนภาคใต้
หน่วยวิจัยประชาธิปไตยชุมชนเพื่อการพัฒนา มหาวิทยาลัยทักษิณ
มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (มอส.)
สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.)