xs
xsm
sm
md
lg

ม.เที่ยงคืนจี้ยกเลิกกฎอัยการศึก-ห่วงขัดแย้งรุนแรงผลักฝ่ายเห็นต่างลงใต้ดิน(ชมคลิป)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “สมชาย” นำนักวิชาการ ม.เที่ยงคืน ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ยกเลิกกฎอัยการศึก และคำสั่ง คสช.ที่เข้าข่ายปิดกั้นสิทธิเสรีภาพการแสดงออก ชี้หากบังคับใช้อยู่ต่อไปจะยิ่งสร้างความตึงเครียดและผลักดันให้นำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงยิ่งขึ้น ย้ำควรเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายสามารถถกเถียงประเด็นปัญหาได้อย่างเปิดเผย ดีกว่าผลักอีกฝ่ายลงเคลื่อนไหวใต้ดิน



ช่วงเย็นวันนี้(26 พ.ย.57) ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กลุ่มนักวิชาการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน นำโดยนายสมชาย ปรีชาศิลปกุล นายอรรถจักร สัตยานุรักษ์ นายวรวิทย์ เจริญเลิศ และนางสาวนัทมน คงเจริญ ร่วมกันอ่านแถลงการณ์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน เรื่อง ร่วมกันหยุดยั้งการคุกคามเสรีภาพประชาชน

ทั้งนี้ ในเนื้อหาระบุว่า เนื่องด้วยในห้วงเวลาปัจจุบันได้มีการใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกและคำสั่งของคณะ คสช. รวมทั้งอำนาจของกลไกรัฐในการคุกคามประชาชนที่แสดงความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ โดยมีการคุกคามอย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาการผลักดันผู้คนออกจากพื้นที่ป่า การรณรงค์ให้มีการออกกฎหมายที่ดิน การแสดงความคิดเห็นในเชิงสัญลักษณ์เพื่อคัดค้านการรัฐประหาร การจัดรายการทางโทรทัศน์เพื่อแสดงความเห็นต่อนโยบายของรัฐบาล การประชุมทางวิชาการเพื่อถกเถียงเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมและการปฏิรูปประเทศ ฯลฯ

การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตและด้วยเจตนาดีต่อประเทศชาติและสังคมไทยดังกล่าวข้างต้นนี้ ต้องเผชิญกับมาตรการต่างๆ นับตั้งแต่การขอความร่วมมือ การควบคุมตัว การเรียกตัวไปเพื่อปรับทัศนคติ และการดำเนินการด้วยกฎหมายอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการใช้วาทกรรมใดก็ตามล้วนแต่คุกคามและบ่อนทำลายสิทธิและเสรีภาพของบุคคลในสังคมอย่างรุนแรงทั้งสิ้น

ในสถานการณ์ปัจจุบัน เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนมีความสำคัญมากเป็นพิเศษ เพราะภารกิจด้านต่างๆ ขององค์กรของรัฐที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหาร ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินนโยบายของรัฐบาล การเสนอและพิจารณาร่างกฎหมายของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตลอดจนการพิจารณาแนวทางในการปฏิรูปประเทศของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ย่อมส่งผลกระทบต่อผู้คนอย่างกว้างขวาง ทั้งผลในด้านลบและด้านบวกต่อประชาชนในหลากหลายมิติ และยังมีผลผูกพันต่อไปในอนาคตอีกด้วย

ดังนั้น จึงเป็นความชอบธรรมของประชาชนแต่ละกลุ่มในการแสดงความคิดเห็น เพื่อสะท้อนให้ผู้กุมอำนาจรัฐในองค์กรต่างๆ ตระหนักถึงความต้องการและผลกระทบที่ประชาชนแต่ละกลุ่มจะได้รับ รวมทั้งผลกระทบต่อสังคมไทยโดยรวมและต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

การแสดงความเห็นหรือการเคลื่อนไหว เพื่อคัดค้านหรือผลักดันให้กฎหมายหรือนโยบายหรือโครงการต่างๆ ดำเนินไปในทิศทางที่ตนเองปรารถนาจึงนับเป็นสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน อันจะนำไปสู่การถกเถียงแลกเปลี่ยนทั้งข้อมูลและความคิดเห็นที่จะช่วยให้การตัดสินใจของคณะบุคคลในองค์กรต่างๆ ของรัฐทุกองค์กรเป็นไปอย่างรอบคอบ เป็นธรรม และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างแท้จริง

ความพยายามในการคุกคามเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ด้วยการอ้างเหตุผลว่าเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งหรือการขอให้ทุกฝ่ายรอคอยให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติเสียก่อนนั้น นอกจากจะไม่เอื้อให้เกิดความเข้าใจที่รอบด้านและการตัดสินใจที่รอบคอบต่อประเด็นต่างๆ แล้ว ยังอาจกลายเป็นชนวนแห่งความขัดแย้งในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคณะรัฐประหารและองค์กรที่คณะรัฐประหารจัดตั้งขึ้นได้พ้นจากอำนาจไปแล้ว เพราะการจับกุมหรือควบคุมตัวเป็นการยุติการเคลื่อนไหวของฝ่ายที่เห็นต่างได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น และจะไม่สามารถสร้างความเห็นพ้องต่อการดำเนินการใดๆ ให้เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน

ดังนั้น การเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้แสดงความคิดเห็นและถกเถียงกันด้วยเหตุผลและข้อเท็จจริง ย่อมจะบังเกิดผลดีทั้งในปัจจุบันและในระยะยาว ต่างจากการปิดกั้นเสรีภาพด้วยกฎอัยการศึกและคำสั่งของ คสช. ที่เป็นการกดทับความเห็นต่างเอาไว้ และจะสร้างแรงกดดันจนกลายเป็นระเบิดเวลาที่นำไปสู่ความขัดแย้งหรือความเสียหายร้ายแรงในอนาคต

มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจึงขอเรียกร้องต่อสังคม ให้ทุกกลุ่มทุกองค์กรในภาคสังคมร่วมกันแสดงความคิดเห็นและร่วมกันกดดันเพื่อให้มีการยกเลิกกฎอัยการศึกและคำสั่งของ คสช. ที่ปิดกั้นและคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน และขอยืนยันว่าการร่วมกันปกป้องสิทธิและเสรีภาพของประชาชนทุกฝ่าย ไม่ว่าจะมีความเห็นตรงกันหรือแตกต่างกันอย่างไรก็ตาม จะเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งสำหรับการนำสังคมไทยให้เดินไปสู่เส้นทางประชาธิปไตยที่เอื้ออำนวยให้รัฐและสังคมไทยสามารถจัดการกับปัญหาต่างๆ ได้อย่างสันติและเป็นธรรม

ทั้งนี้นายสมชาย ปรีชาศิลปะกุล กล่าวว่า แถลงการณ์ครั้งนี้ที่ต้องการเรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎอัยการศึกและคำสั่ง คสช.ที่เป็นการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน เนื่องจากมองว่าการปิดกั้นที่ดำเนินอยู่นอกจากจะไม่ช่วยแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในช่วงที่ผ่านมา แถมยังจะยิ่งเพิ่มความรุนแรงของปัญหาให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย เพราะจะเท่ากับเป็นการผลักให้ผู้ที่มีความคิดเห็นต่างต้องไปเคลื่อนไหวในทางลับ แทนที่จะสามารถแสดงออกได้อย่างเปิดเผย ซึ่งมองว่าเป็นเงื่อนไขที่ก่อให้เกิดความตึงเครียดอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้น

ขณะเดียวกันมองว่าแม้จะมีความพยายามจากทางรัฐบาลหรือ คสช. ในการที่จะจัดตั้งเวทีเพื่อให้ทุกฝ่ายได้แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆ แต่การจัดเวทีดังกล่าวยังไม่อาจถือได้ว่าเป็นการเปิดให้ฝ่ายต่างๆ สามารถแสดงความคิดเห็นและทำการถกเถียงในประเด็นปัญหาต่างๆ ได้อย่างแท้จริง ตราบใดก็ตามที่ยังมีกฎอัยการศึก และคำสั่ง คสช.บังคับใช้อยู่ ซึ่งในที่สุดแล้วก็จะไม่สามารถนำไปสู่การแก้ไขปัญหาใดๆ ได้เลย รวมทั้งยังจะนำกลับเข้าไปสู่วังวนของปัญหาความขัดแย้งเดิมๆ

มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนมองว่าการเปิดเวทีไม่มีประโยชน์และจะไม่เข้าร่วม ตราบใดที่ยังไม่มีการยกเลิกกฎอัยการศึกและคำสั่ง คสช. ให้ทุกฝ่ายสามารถแสดงความคิดเห็นและถกเถียงได้อย่างเปิดเผย

นอกจากนี้ นายสมชาย กล่าวถึงกรณีที่มีใบปลิว และการแอบแสดงออกเพื่อต่อต้าน คสช.และการรัฐประหารที่ผ่านมาว่า เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงผลจากการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของผู้ที่มีความคิดเห็นแตกต่าง ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงและจะยิ่งก่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น อย่างไรก็ตามยืนยันว่าการกระทำดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ที่มีจุดยืนการแสดงออกต่างๆ อย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา

รายงานข่าวแจ้งว่า ในช่วงการแถลงการณ์ดังกล่าว มีนักศึกษาเข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านความมั่นคงในชุดนอกเครื่องแบบเข้าร่วมสังเกตการณ์เป็นจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งหลังจากที่มีการอ่านแถลงการณ์เสร็จ กลุ่มนักศึกษาได้พร้อมใจกันปรบมือ โดยที่บรรยากาศภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี


กำลังโหลดความคิดเห็น