xs
xsm
sm
md
lg

“หมอสุภัทร” ชี้เลยเถิดไปไหมที่ “เถกิง” เกรี้ยวกราดกับ “แวว” กรณีตั้งคำถามเรียกทหารมารัฐประหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ (แฟ้มภาพ)
 
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - “นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ” ทำหนังสือเปิดผนึกถึง “เถกิง สมทรัพย์” และพี่น้อง กปปส.ระบุเลยเถิดไปหรือเปล่าที่ออกมาอัด “ณาตยา แวววีรคุปต์” กรณีตั้งคำถามในรายการเสียงประชาชนที่ต้องฟังก่อนการปฏิรูป-เวทีภาคใต้ทางไทยพีบีเอส เรื่องเป่านกหวีดเรียกทหารมารัฐประหาร จนเป็นประเด็นถูกแบน และถกแถลงในสังคมแบบไม่จบ
 
นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลจะนะ อ.จะนะ จ.สงขลา ได้โพสต์ข้อความลงให้เฟซบุ๊กส่วนตัวที่ใช้ชื่อ Supat Hasuwannakit โดยเขียนเป็นจดหมายเปิดผนึกถึง นายเถกิง สมทรัพย์ ผู้บริหารสถานีทีวีฟ้าวันใหม่ หนึ่งในแกนนำ กปปส. และพี่น้อง กปปส. เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อทำความเข้าใจกรณี นายเถกิง ออกมาแสดงความเห็นเกรี้ยวกราด น.ส.นาตญา แวววีรคุปต์ ผู้ดำเนินรายการเสียงประชาชนที่ต้องฟังก่อนปฏิรูปทางไทยพีบีเอส กรณีใช้คำว่ามีการเป่านกหวีดเรียกทหารมารัฐประหาร ซึ่งได้กลายเป็นประเด็นให้ถูกแบน และก่อการถกเถียงเรื่องแทรกแซงสื่อมาแบบยังไม่จบง่ายๆ นั้น
 
ข้อความบนโพสต์เฟซบุ๊กของ นพ.สุภัทร ดังกล่าวเริ่มต้นด้วยข้อความว่า จดหมายถึงคุณเถกิงและพี่น้อง กปปส.ก่อนจะตามด้วยเนื้อหาดังนี้
 
เถกิง สมทรัพย์ (ขอบคุณภาพจาก http://www.oknation.net/blog/nfedlion/2014/06/18/entry-3)
 
“ผมได้อ่านสิ่งที่ คุณเถกิง สมทรัพย์ ได้เขียนถึงเพื่อน สืบเนื่องจากคำถามที่ คุณณาตยา แวววีรคุปต์ ได้ถามผู้ร่วมสนทนาในเวที “เสียงประชาชนที่ต้องฟังก่อนการปฏิรูป-เวทีภาคใต้” ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคม 2557 ที่ผ่านมา ซึ่งผมเองเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมสนทนา และเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกคาดหวังให้ตอบคำถามที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างเกินกว่าเหตุอยู่ในขณะนี้
 
สำหรับคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ดูรายการในวันนั้น ผมขอเล่าถึงสภาพ และบรรยากาศให้รับทราบก่อนว่า บรรยากาศการพูดคุยของคนใต้ในวันนั้นแสดงถึงความอึดอัดอย่างชัดเจนที่การปฏิรูปดูจะเชื่องช้า การเดินหน้าทำโครงการขนาดใหญ่โดยไม่สนใจเสียงประชาชนในพื้นที่ เช่น กรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ และการที่ฝ่ายทหารมีการปิดกั้นการมีส่วนร่วมมากเกินกว่าเหตุ
 
ความอึดอัดดังกล่าวสะสมตัวมาระยะหนึ่ง และมาแสดงออกในเวทีสนทนาครั้งนี้ จากความอึดอัดคุณณาตยา จึงยิงคำถามต่อเนื่องประมาณว่า “ก็คนใต้ไม่ใช่หรือที่ไปเป่านกหวีดเรียกทหารออกมา” ซึ่งสำหรับผมแล้วคำถามนี้สำคัญมาก และเป็นคำถามที่ชวนให้คนใต้ในฐานะคนที่เป็นกำลังหลักในการเคลื่อนไหวทางการเมืองร่วมกับ กปปส.ต้องตอบ ซึ่งผมเองชอบมากกับคำถามนี้ เพราะเป็นประเด็นที่ผมเองก็ถูกกระแหนะกระแหนมาตลอด แต่ไม่มีโอกาสจะให้ทัศนะ
 
ผมตอบคำถามของคุณณาตยาเรื่อง “เป่านกหวีดเรียกทหารมารัฐประหาร”  ไป โดยสรุปความว่า เราไม่ได้ต้องการรัฐประหาร เราต้องการการปฏิรูป เราฝันถึงการปฏิวัติสังคมไทยที่เกิดจากพลังของภาคประชาชนในการกำหนดประเด็นและทิศทางการปฏิรูป ซึ่งเป็นเจตจำนงร่วมของคนในสังคม แต่สังคมเรายังไม่ก้าวหน้าพอที่ทหารจะออกมายืนข้างหลังประชาชน กลับมารัฐประหารยึดอำนาจ แล้วบอกให้ประชาชนรอ นี่คือต้นเหตุของความอึดอัด และพี่น้องคนใต้ส่วนใหญ่ที่มาร่วมวงการสนทนา ซึ่งล้วนแต่ผ่านสนามเรียกร้อง “การปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” มาแล้วเกือบทุกคนต่างก็คิดเห็นไปในทางเดียวกัน
 
คนใต้รู้สึกอึดอัดจริง เรามีความมั่นใจน้อยลงไปมากว่าประเทศชาติจะได้รับการปฏิรูปอย่างขนานใหญ่ ประเด็นของคนจน ประเด็นการลดความเหลื่อมล้ำ ประเด็นการจัดการทรัพยากร รวมทั้งประเด็นทิศทางการพัฒนาประเทศ ดูเหมือนจะไม่มีความหวังมากนัก นี่คือภาพรวมของการสนทนา และการเรียกร้องกันเองให้มีความกล้าหาญในการมีส่วนร่วมต่อการปฏิรูป ที่ไม่ใช่แค่ยื่นข้อเสนอ คือสิ่งที่ควรจะเป็น เพราะมิเช่นนั้นก็จะเป็นการปฏิรูปในมุมมองของระบบราชการเป็นใหญ่
 
การสนทนาครั้งนี้ คุณณาตยา สามารถอำนวยความสะดวกในการนำพาประเด็นไปได้อย่างมีรสชาติ คุยกันยาวจนเวลาล่วงเลยกว่า 3 ชั่วโมง เป็นบรรยากาศที่ตื่นตัว มีความสุข เป็นเสมือนการรวมพลครั้งสำคัญหลังรัฐประหารของคนที่เคยเข้าร่วมกับ กปปส.ในหลากหลายโอกาส

ดังนั้น ผมจึงมีความเห็นว่า ข้อวิเคราะห์ของคุณเถกิง สมทรัพย์ ดูจะเลยเถิดไปไกลเกินข้อเท็จจริงในวันนั้นไปมาก
 
คำถามที่คุณณาตยา ถามนั้น ไม่ได้มีสุ่มเสียงของการดูแคลนคนนับล้านที่ออกมาเคลื่อนไหว แต่เป็นคำถามที่ต้องการให้คนใต้ทบทวนความคิดของตัวเอง แล้วตอบให้ชัดว่า คิดอย่างไรกับคำถามประโยคนี้ ซึ่งก็ชัดเจนว่า “คนใต้ก็ไม่ได้อยากได้การรัฐประหาร แต่เมื่อสังคมไทยยังไม่ก้าวหน้าพอที่ทหารจะมาเดินตามหลังประชาชน ก็เป็นหน้าที่ของประชาชนอย่างเราที่จะต้องทำหน้าที่กันต่อไป”
 
ผมได้มีโอกาสตอบคำถามนั้นซ้ำอีกครั้งในวันนี้ เพราะวันนั้นอาจจะยังตอบได้ไม่ชัดนัก และผมก็อยากชวนเพื่อนคนอื่นๆ ให้ช่วยกันตอบคำถามนี้ ดีกว่าที่จะวิพากษ์วิจารณ์คำถาม และคนตั้งคำถาม คำตอบของคำถามนี้มีความสำคัญมาก เพราะจะทำให้เราชัดเจนในออกเดินต่อไปข้างหน้า เพื่อเดินไปสู่การปฏิรูปที่เป็นของประชาชนจริงๆ ร่วมกันต่อไป”
 
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ในช่วงท้ายโพสต์ของ นพ.สุภัทร ยังได้มีการนำข้อความที่นายเถกิง เขียนลงในเฟซบุ๊ก และ Bluesky channel มาแนบไว้ด้วยแล้ว เพื่อชี้ให้เห็นว่านายน่าจะเข้าใจไม่ตรงกันอย่างไร โดยนำมาจาก BLUESKY Channel shared เถกิง สมทรัพย์'s photo. ดังนี้

ถึงเพื่อน นั่งชมรายการ “ขอ ชัด ชัด” ทางสถานีฟ้าวันใหม่จบลงเมื่อสักครู่...คุณเอ๋ กับคุณขิง ยกเอาคำถามของคุณแวว (ณาตยา แวววีรคุปต์) จากไทยพีบีเอสมาให้ฟัง ชัด ชัด (ดังที่ผมใส่กรอบมาให้อ่าน)...พร้อมกับนำคำพูดของ กำนันสุเทพ จากเวทีปทุมวันมาให้ฟังด้วยว่า เรียกร้องทหารมาปกป้องประชาชน ไม่ได้เรียกให้มาปฏิวัติ เพราะตอนนั้นโดนลอบทำร้ายเสียชีวิต/บาดเจ็บหลายคน
 
ผมได้ฟัง และได้อ่านข้อความที่คุณแววถามด้วยความรู้สึกหนักหน่วงในรายการแล้ว อยากทบทวนข้อเท็จจริงบางประเด็นให้ฟัง ดังนี้...
 
1.ถ้าคุณแววจำได้...เวทีการชุมนุมที่สามเสน และราชดำเนินเริ่มต้นมาจากการต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรม
 
2.จากนั้นเริ่มเป็นการขับไล่รัฐบาล
 
3.รัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์สั่นคลอน เพราะกระบวนการยุติธรรมจากการตัดสินขององค์กรอิสระหลายกรณี จนนำมาสู่การยุบสภา เลือกตั้งล้มเหลว และคุณยิ่งลักษณ์ต้องพ้นจากตำแหน่ง...ฯลฯ
 
4.ในเวลาเดียวกันผู้ชุมนุมถูกลอบทำร้ายบาดเจ็บล้มตายหลายคน ตัวผมเองก็โดนทั้งแก๊สน้ำตา ระเบิดลงใกล้ๆ และกระสุนยาง โชคดีกว่าพี่น้องจำนวนมากที่บาดเจ็บเสียเลือด เสียอวัยวะ และที่เสียใจที่สุดคือ เสียชีวิต ทิ้งลูกเมียไว้เบื้องหลัง ...
 
5.ถ้าคุณแววจำได้...กำนันสุเทพบอกมาตลอดว่า จะปฏิวัติโดยประชาชน และได้ประกาศรัฏฐาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2556 ที่เวทีการปราศรัยนางเลิ้ง ...
 
6.หลังจากนั้นเกิดความยืดเยื้อ...มาเข้าสู่ทางตันเมื่ออำนาจบริหารประเทศของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ง่อยเปลี้ย แต่มีการยื้อตำแหน่งไว้จนประเทศไม่มีทางออก แม้จะมีการเสนอให้เกิดรัฐบาลคนกลางเพื่อผ่าทางตัน แล้วกลับมาเลือกตั้งใหม่ ก็ไม่ได้รับการตอบสนองจากรัฐบาล สุดท้ายมีการถามว่า คนรักษาการนายกรัฐมนตรีจะลาออกไหม พอบอกไม่ออกก็มีการยึดอำนาจ...และมีการผ่าทางตันประเทศ ณ เวลานั้น
 
7.ดังนั้น คำถามของคุณแวว จึงสะท้อนอคติรุนแรงต่อผู้ชุมนุมนับล้านๆ คนที่ออกมาต่อสู้บนถนนนานกว่าครึ่งปี โดยสรุปเพียงสั้นๆ ว่า เป่านกหวีดเรียกร้องทหารออกมารัฐประหาร...
 
8.ถ้าคุณแววมีความคิดว่า การรัฐประหารเกิดจากมีคนวางแผนไว้...ทำไมไม่ลองคิดอีกมุมหนึ่งว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ยื้อทุกอย่างไว้จนกระทั่งนาทีสุดท้ายนั้น เพื่อให้ทหารกระทำรัฐประหาร ตนเองจะได้ชื่อว่าเป็นรัฐบาลที่ต้องออกไปเพราะทหาร ไม่ได้ออกไปเพราะประชาชนเรือนล้านออกมาขับไล่
 
9.ทำไมคนอย่าง “ณาตยา แวววีรคุปต์” ที่มีภาพลักษณ์เป็นสื่อของภาคประชาชน และชอบตั้งชื่อรายการที่มีคำว่า “ประชาชน"” และ “สาธารณะ” อยู่ในชื่อรายการ...จึงลืมภาพคนนับล้านๆ คนออกมาบนถนน...หรือในสายตาณาตยา แวววีรคุปต์ มองว่าคนเหล่านั้นไม่ใช่ประชาชนหรือสาธารณชนในคำจำกัดความของ ณาตยา แวววีรคุปต์ หรือคนที่ไทยพีบีเอส...แววจึงถามคำถามแบบนี้...คำถามที่เจาะจงลงไปว่า คนเรือนล้านเป่านกหวีดเรียกทหารออกมาปฏิวัติ ถึงแม้จะถามคนหลายคนที่มานั่งในที่ประชุมในรายการนี้ก็ตาม...แต่มันสะเทือนไปถึงคนนับล้านๆ ที่เป่านกหวีด ใส่รองเท้าผ้าใบประท้วงกันยาวนาน
 
10.หรือไทยพีบีเอสชอบที่จะยกย่องชื่นชมการชุมนุมต่อต้านของคนต่างประเทศ ทั้งในฮ่องกง อาหรับ และอื่นๆ ว่า เป็นประชาชนผู้รักประชาธิปไตย ต้านเผด็จการ แต่คนที่ไทยพีบีเอสชอบที่จะรังเกียจคนไทยที่ชุมนุมต้านรัฐบาลไทย แม้จะเป็นคนไทยเรือนล้านๆ ก็ยังไม่สู้คนแค่หมื่นเศษๆ ในเมืองนอก..หรือจะคิดแบบนั้น ?
 
11.ผมเข้าใจดีว่า อาจมีคนอีกจำนวนมากที่เข้าใจ หรือมองการชุมนุมอย่างที่คุณแววสะท้อนออกมา...แต่แปลกใจที่คณะกรรมการนโยบาย หรือคณะกรรมการบริหารไทยพีบีเอสออกแถลงการณ์รับรองสิ่งที่คุณ แวว ทำไปนั้นว่า ถูกต้องตามจรรยาบรรณ...หรือกรรมการนโยบาย/กรรมการบริหารไทยพีบีเอสเห็นด้วยต่อทัศนคติในคำถามนี้ของคุณแวว...จึงแถลงการณ์รับรองการทำหน้าที่พิธีกรของคุณแววว่าเป็นไปตามหลักสื่อมวลชนที่ดี
 
12.ผมจำเป็นต้องเขียนเรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะผมทำงานที่ฟ้าวันใหม่ หรือบลูสกายที่เคยถ่ายทอดการชุมนุม แต่เขียนในฐานะผู้ร่วมชุมนุมคนหนึ่งที่รู้สึกกระทบจากคำถามของคุณแวว เพราะผมไม่เคยเป่านกหวีดเรียกทหารออกมารัฐประหาร และผมอยากให้คนที่ไทยพีบีเอสมอง “มวลมหาประชาชน” ด้วยสายตาใหม่ มุมมองใหม่ เพราะ “มวลมหาประชาชน” นั้นคือคนจำนวนมหาศาลมากกว่าคนที่ชมไทยพีบีเอสทั้งประเทศ...โปรดอย่าได้ใช้ความคิดของกบในกะลามาวัดใจของคนไทยนับล้านที่เขาออกมาด้วยความปรารถนาดีต่อประเทศ
 
13.ปัญหาของไทยพีบีเอส สะท้อนปัญหาสื่อมวลชนไทยในหลากหลายมุม ผมหวังว่าในกระบวนการปฏิรูปสื่อ คณะ สปช.ก็ดี คณะ สนช.ก็ดี กสทช.ก็ดี คสช.ก็ดี อย่าคิดแต่จะมองว่าสื่อทางเลือกอย่างฟ้าวันใหม่ เอเอสทีวี พีซทีวี ฯลฯ เป็นตัวปัญหา คิดแต่จะลากเราไปปฏิรูป...ไทยพีบีเอสเริ่มทำให้เราเห็นตัวตนของปัญหาสื่อมวลชนที่หมักหมมอีกซอกหลืบหนึ่งแล้ว...
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น