คอลัมน์ : แกะสะเก็ด
โดย...ประเสริฐ เฟื่องฟู
การแข่งขันกีฬาเอเชียนบีชเกมส์ ครั้งที่ 4 ที่ไทยกระโดดรับมาเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันต่อจากจีน ที่จัดที่เมืองไหหยาง เมื่อปี 55 ที่ผ่านมา โดยโยนลูกมาให้จังหวัดภูเก็ตรับหน้าที่นี้
ในฐานะที่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีชายหาดมากมายอยู่ทางฝั่งตะวันตกของจังหวัดที่เป็น “เกาะ” เหมาะใช้เป็นสนามแข่งขัน
ผู้เกี่ยวข้องทุกคน ทั้งกลุ่มกีฬา กลุ่มท่องเที่ยว และอีกหลายกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องต่างเห็นชอบ ได้ชื่อเสียงเข้าประเทศในฐานะเป็นเจ้าภาพ ภูเก็ตได้อวดศักยภาพของชายหาดที่เป็นสถานที่จัดการแข่งขันมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน
ต่างโก่งคอขานรับเป็นเสียงเดียวกัน “OKAY!”
เพราะเรามีหาดทรายที่สวย มีน้ำทะเลที่ใส แม้บางครั้งจะมี “อุบัติเหตุ” น้ำเสีย น้ำเน่าทะลักลงไปบ้าง ก็เป็นเพียงสีสัน สร้างความตื่นเต้นให้เป็นครั้งคราว และเป็นความซวยของนักท่องเที่ยวที่บังเอิญได้สัมผัส และได้พบเห็นเท่านั้น
ก็ได้รับการแก้ไขเป็นการเฉพาะหน้าไป เพื่อกระทุ้งให้มีงบประมาณก้อนโตหล่นลงมาในพื้นที่ใช้แก้ปัญหาระยะยาว ตามโครงการที่วาดฝันมาแบ่งปัน กระตุ้นเศรษฐกิจของกลุ่มมาเฟียองค์กรปกครองท้องถิ่น
และที่น่าปลื้มที่สุดเรื่องความสะอาดของชายหาดที่ได้รับการปฏิรูป จัดระเบียบตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คืนหาดทรายให้ประชาชน!
ครับ,... ชาวภูเก็ต และประชาชนทุกคน รวมทั้งนักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างก็ต้องปลื้ม ที่ได้สัมผัสกับชายหาดจริงๆ ไม่มีสิ่งกีดขวางให้รกหูรกตา ถ่ายภาพก็ได้บรรยากาศที่เป็นหาดเป็นทะเล มีเกลียวคลื่น ฟองคลื่นเป็นธรรมชาติจริงๆ
แต่... ความศรัทธาที่มีต่อ “คสช.” และความรู้สึกดีๆ เหล่านั้น พลันหมดสิ้นไปทันที!!
เมื่อมีผู้เอาข้อมูลการให้สัมภาษณ์ของผู้อาวุโสของวงการกีฬามายาวนาน “บิ๊กจา” พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ ที่เป็นถึงรองประธาน และเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิก ประธานฝ่ายต้อนรับนักกีฬา ที่พูดถึงการเตรียมการจัดกีฬาเอเชียนบีชเกมส์ที่ภูเก็ตครั้งนี้ให้อ่านถึงกับสะอึก
ภูเก็ตอัปลักษณ์ขนาดนั้นเชียวหรือ?
ถ้าภาพลักษณ์เป็นอย่างนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อเมืองจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
วาจาที่หลุดออกมาจากปาก “บิ๊กจา” สร้างความหดหู่ให้แก่ชาวภูเก็ตที่ยังมีสามัญสำนึก และทำลายศรัทธาของชาวภูเก็ต หรือประชาชนบางส่วนที่มีให้แก่ คสช. โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างสิ้นเชิงจริงๆ
ขณะเดียวกัน “บิ๊กจา” พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ ผู้อาวุโสท่านนี้ก็เปิดเผยตัวตนว่า เป็นอีกหนึ่งในผู้ร่วมรู้เห็นกับ“อาชญากรสิ่งแวดล้อม” ทำลายสันทรายหาดกะรน ทำลายสิ่งแวดล้อมของเกาะภูเก็ต
ขออนุญาตคัดลอกมาแค่ 2 พารากราฟที่เกี่ยวข้องกับภูเก็ต ให้ผู้ที่ยังไม่ได้อ่าน และยังไม่รู้จะได้หูตาสว่าง เห็นภาพลักษณ์ชัดเจนขึ้น
สุดแท้แต่จะมอง ใช้วิจารณญาณ และสามัญสำนึกกันเองนะ
“บิ๊กจา” พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ กล่าวหลังการประชุมการเตรียมการแข่งขันกีฬาเอเชียนบีชเกมส์ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2557 ที่ผ่านมา ที่บ้านอัมพวันว่า ก่อนการแข่งขันทุกอย่างจะลงตัวสมบูรณ์ โดยเฉพาะเรื่องเทคนิคการจัดการแข่งขัน รวมถึงสนามแข่งขันจะแล้วเสร็จก่อนแข่งขันจริง 5 วันแน่นอน ช่วงนี้หลายสนามเร่งดำเนินการก่อสร้าง และปรับสภาพภูมิทัศน์
“ด้านปัญหาสนามแข่งขัน ต้องยอมรับว่าภูเก็ต เมื่อก่อนการจะลงไปใช้ชายหาด ต้องได้รับการอนุมัติจากเจ้าถิ่นผู้เป็นใหญ่ ทำให้การดำเนินการเรื่องของสนามแข่งขันในหลายๆ หาดเป็นไปด้วยความล่าช้ามาก แม้แต่ผู้ว่าฯ ภูเก็ต ยังไม่กล้าที่จะเข้าไปแตะต้องกลุ่มผู้มีอำนาจ กระทั่งมีการดำเนินการคืนความสุขให้แก่ประชาชน โดยการส่งเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปเคลียร์ ทุกอย่างจึงเรียบร้อย มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนชายหาด จนชายหาดที่ใช้การแข่งขันกลับมาเป็นของประชาชนได้ใช้อย่างปกติ หลังจากนี้อีกประมาณ 3 สัปดาห์ สนามแข่งขันน่าจะเสร็จทันตามกำหนดก่อนการแข่งขันแน่นอน”
อุต๊ะ!... เพิ่งจะตาสว่างแจ้งจางปาง
ชายหาดภูเก็ตแต่ก่อนจะลงไปใช้ ต้องได้รับการอนุมัติจากเจ้าถิ่นผู้เป็นใหญ่ ผู้ว่าฯ ภูเก็ตยังไม่กล้าแตะ ทำให้การสร้างสนามแข่งขันต้องล่าช้า
แล้วไอ้ที่ คสช.เข้ามาเคลียร์ชายหาด จัดระเบียบปฏิรูป ขับไล่รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากหาด จากที่สาธารณะครั้งนี้ เป็นแค่ข้ออ้างคืนให้ประชาชน จากนั้นก็ฉวยโอกาสเอามาแปรรูปปรับสภาพเป็นสนามแข่งขันกีฬาเอเชียนบีชเกมส์ครั้งนี้นี่เอง
น่าเวทนาชาวภูเก็ตทั้งเกาะ หลงคิดว่าที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.มีนโยบายให้ปฏิรูปจัดระเบียบหาด คืนให้ธรรมชาติ คืนให้ประชาชนคนทั้งโลก อุตส่าห์ส่งทั้งทหารบก ทหารเรือ และใช้กฎอัยการศึกเข้าเคลียร์ในบางพื้นที่
เพื่อกีฬาเอเชียนบีชเกมส์แค่นี้เองหรือ ด้วยคำพูดของ “บิ๊กจา” ไม่น่าจะเข้าใจผิดนะ
และว่ากันว่า ในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชียนบีชก็จะพยายามเชิญ หรืออาจจะตื๊อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาเป็นประธานเปิดการแข่งขันด้วย
ที่ไม่ควรพลาดก็ต้องให้ “นายกฯ ตู่” ไปดูผลการทำลายสันทรายหาดกะรน ที่เนรมิตเป็นสนามกีฬาที่สวยงามอลังการ และวิลิศมาหราด้วยนะ ท่านนายกฯ จะได้เป็นปลื้มไปกับ “กลุ่มอาชญากรสิ่งแวดล้อม”
ที่หาดกะรนเมื่อบ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมา ตั้งแต่วงเวียน เอาเป็นว่าหัวหาด เลยไปหน่อย รถแบ็กโฮขนาดใหญ่กำลังทำงานอย่างเร่งรีบ ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก ขุดตักทรายปรับพื้นผิวสนาม พร้อมกับกองโครงเหล็กอัฒจันทร์ที่ยังไม่ได้ประกอบ เลยไปอีกหน่อยถึงตรงข้ามโรงแรมถาวรปาล์มบีช ยันโรงแรมฮิลตัน สันทรายที่เคยมีถูกไถราบเป็นหน้ากลอง มีคนงานใส่ชุดกันฝนหรือเสื้อฝนกำลังตกแต่งขอบสนามที่เป็นทรายยังหลวมอยู่ เมื่อฝนตกก็ชะลงไปกองที่ฟุตปาธทางเท้า
ดูลักษณะแล้วสนามแข่งขันน่าจะอยู่เป็นบล็อกๆ สลับกับกลุ่มต้นไม้ที่ปลูกขึ้นใหม่ไม่นานจากการปรับภูมิทัศน์ด้วยสมอง และน้ำมือมนุษย์
จากสภาพหาดทรายหลังการปรับสภาพขณะที่เห็น ณ ปัจจุบัน เป็นพื้นราบ ไม่มีสันทราย ไม่มีผักบุ้งทะเลหลงเหลือ ทราบมาว่า หลังการแข่งขันก็จะมีการรับการปรับสภาพให้เหมือนเดิม โดยผู้รับเหมารายเดียวกันนี้
น่ากังขาจะปรับให้เหมือนเดิมได้ยังไงเพียงแค่ครึ่งค่อนเดือน กับการสร้างสรรค์ของธรรมชาติที่สะสมมาเป็นนับร้อยปีกว่าจะเป็นสันทรายกั้นคลื่นลม
อย่างดีก็แค่เอาต้นไม้พวกหูกวาง มะพร้าว หรือไม่ก็เตยทะเลมาปลูกทิ่มๆ ไว้แค่นั้นแหละ ตัวอย่างมีให้เห็น
ทราบมาว่า วันที่ 31 ตุลาคมนี้ กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการการท่องเที่ยวและกีฬา นักธุรกิจหญิงเหล็กจากตระกูลเจ้าของห้างมาบุญครอง และผู้บริหารมือดีของ “โตชิบา” ที่พนักงานรักนักรักหนา ทั้งยังมีผลงานเขียนหนังสือ และเป็นคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ใหญ่ จะลงมาติดตามผลงานของ “กลุ่มอาชญากรสิ่งแวดล้อม” อีกรอบ และคงจะมีพวกลิ่วล้อสอพลอตามเป็นขบวน ผสมโรงกับเจ้าของท้องที่เข้าไปอีก
และทราบจากเลขาฯ ของท่านที่ตีสายตรงมา จะขอส่งเทียบเชิญผมเข้าร่วมโต๊ะสังฆกรรมในครั้งนี้ด้วย ขณะที่เรียนสายกับเลขาฯ ท่านรัฐมนตรีก็คิดว่าจะตกปากรับคำ เพราะท่านก็เป็นนักเขียน นักบันทึกที่มีข้อมูลความรู้ และประสบการณ์สูงน่าเลื่อมใสศรัทธา
แต่พอมาเจอวาทะการให้สัมภาษณ์ของผู้อาวุโสอย่าง “บิ๊กจา” พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ ที่มีตำแหน่งเป็นถึงเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกแล้ว
สิ้นศรัทธาจริงๆ ขอยืนยันประโยคนี้
ดังนั้น งานนี้คงร่วมวงกันไม่ได้ ก็ขอปฏิเสธอย่างเป็นทางการ ณ ที่นี้ บอกตรงๆ ว่าร่วมวงกับ “กลุ่มอาชญากรสิ่งแวดล้อม” ไม่ได้ ต้องขอโทษกับท่านรัฐมนตรีด้วย หากจะชี้แจงข้อเท็จจริงก็ขอให้ชี้แจง หรือบันทึกมาเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมรับฟังครับ
ขอปิดท้ายด้วยการยืนยันว่า ที่เขียนมาทั้งหมดรวม 3 สัปดาห์นั้น มิได้มีเจตนาคัดค้านการแข่งขันกีฬาเอเชียนบีชเกมส์แต่ประการใด แต่คัดค้านการทำลายสิ่งแวดล้อม ทำลายธรรมชาติของหาดกะรนเท่านั้น และขอบคุณความหวังดีของท่านรัฐมนตรีที่ได้สื่อผ่านทางเลขาฯ มา โอกาสหน้ายังมี และคงได้ร่วมมือกัน ขอบคุณครับ.