พัทลุง - ศาลปกครองสูงสุด ตัดสินให้การประมูลรังนกอีแอ่นในบริเวณหมู่เกาะสี่-เกาะห้า อ.ปากพะยูน ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ด้านผู้ว่าฯพัทลุง น้อมรับคำตัดสิน คาดเตรียมแก้ไขปัญหาภายใน 2 เดือน เตรียมประชุมคณะกรรมการพิจารณาอย่างรอบคอบ
วันนี้ (9 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดเก็บภาษีอากรรังนกอีแอ่นพัทลุง ได้เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการฯ ณ ห้องอิรวดี บนศาลากลางจังหวัดพัทลุง โดยได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าถ่ายภาพ แต่ไม่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้ารับฟังการประชุมในครั้งนี้
ทางด้าน นายวินัย เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมว่า คณะกรรมการฯ ยินดีน้อมรับการตัดสินของศาลปกครองสูงสุดในครั้งนี้ สำหรับการจัดเก็บรังนกอีแอ่นนั้นเป็นผลประโยชน์ของแผ่นดิน ทางคณะกรรมการจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อมิให้เกิดความเสียหายขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าคณะกรรมการฯ จะแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างไร ซึ่งจะต้องมีการเชิญประชุมคณะกรรมการฯ อีกหลายครั้ง ในขั้นต้นได้มอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องไปศึกษารายละเอียดด้านกฎหมาย รวมทั้งขั้นตอนการดำเนินงานด้านต่างๆ หลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้การสัมปทานรังนกฯ ในครั้งนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย คาดว่าปัญหาดังกล่าวนี้จะสามารถแก้ไขได้ไม่เกิน 2 เดือนอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวจังหวัดพัทลุงยังรายงานต่ออีกว่า จากกรณีการสัมปทานรังนกอีแอ่นบริเวณเกาะสี่-เกาะห้า อ.ปากพะยูน ได้สิ้นสุดสัมปทานลงเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2551 ทางคณะกรรมการจัดเก็บรังนกนางแอ่นจังหวัดพัทลุง ได้ออกประกาศเพื่อจัดให้มีการสัมปทานรังนกกันใหม่ โดยตั้งราคากลางไว้ที่ 627 ล้านบาท ระยะเวลาสัมปทาน 7 ปี และได้ประกาศขายซองตั้งแต่วันที่ 1-17 เมษายน2552 โดยมีผู้เข้าซื้อซองการประมูลสัมทปานรังนกในครั้งนี้ จำนวน 6 บริษัท
แต่มีผู้ยื่นซองประมูลในครั้งนี้เพียง 2 บริษัทเท่านั้น และจากการเปิดการประมูลฯ ในวันที่ 20 เมษายน 2552 ณ ห้องประชุมชั้น 5 บนศาลากลางจังหวัดพัทลุง ปรากฏว่า บริษัท เค.โอ.ซี. อิมฟอตเอ็กฟอต จำกัด เป็นผู้ชนะในการประมูลการสัมปทานรังนกอีแอ่น ในราคา 709 ล้านบาท ซึ่งทางคณะกรรมการฯได้ทำสัญญากับผู้บริษัที่ชนะการประมูลโดยสัญญาการสัมปทานรังนกจะอยู่ในระหว่างวันที่ 4 พฤษภาคม 2552 ถึงวันที่ 3 พฤษภาคม 2559 ซึ่งเป็นระยะเวลา 7 ปี
อย่างไรก็ตาม หลังจากการเสร็จสิ้นการเปิดซองประมูลการสัมปทานรังนกอีแอ่นในครั้งนี้ บริษัทเนชัลแนทเบส ที่เข้าร่วมซื้อซองการประมูลแต่ไม่ได้ยื่นซองประมูล ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสงขลาว่า การประมูลในครั้งนี้ไม่เป็นธรรม โดยกล่าวหาว่า ประกาศของกรรมการจัดเก็บภาษีรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุง เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มธุรกิจบางกลุ่ม เช่น กำหนดวงเงินประกันซอง 75% และกำหนดวงเงินประกันสัญญา 75% ทำให้ผู้เข้าประมูลต้องมีหลักประกันประมาณ 1,000 ล้าน ในขณะที่กำหนดราคากลางไว้ที่ราคา 627 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าปกติ
ต่อมา ทางศาลปกครองสงขลา ได้ตัดสินให้การสัมทปานรังนกฯ ในครั้งนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามคำฟ้องร้องของบริษัทเนชัลแนทเบส ซึ่งทางคณะกรรมการจัดเก็บภาษีอากรรังนกอีแอ่นพัทลุงได้ยื่นอุทธรณ์คำตันสินดังกล่าวไปยังศาลปกครองสูงสุด และศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินตามศาลชั้นต้น จนทำให้การยื่นซองประมูลการสัมปทานรังนกอีแอ่น บริเวณเกาะสี่-เกาะห้า อ.ปากพะยูน ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และสร้างความสับสนวุ่นวายให้เกิดขึ้นต่อประชาชนชาวพัทลุงที่จับตาการประมูลรังนกฯ ในครั้งนี้
