ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - นายกสมาคมต้านสภาวะโลกร้อน เผยการจัดประชาพิจารณ์สร้างท่าเทียบขนถ่านหินบ้านคลองรั่ว จ.กระบี่ ในเวที ค.1-ค.3 มีหมกเม็ด แอบเปลี่ยนข้อมูลขนาดเรือบรรทุกถ่านหินจาก 3,000 เดทเวทตัน ในเวที ค.1 เป็น 10,000 เดทเวทตัน ในเอกสาร ค.3 โดยไม่แจ้งให้ประชาชนทราบ ชี้ กฟพ.ไร้ธรรมาภิบาล ส่อเจตนาไม่เคารพกฎหมาย ละเมิดสิทธิประชาชน
สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน พร้อมด้วยตัวแทนชุมชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน และท่าเทียบเรือถ่านหินกระบี่ เดินทางมายังศาลปกครองเพื่อยื่นฟ้องการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยเรียกร้องความเป็นธรรมตามสิทธิเสรีภาพที่กำหนดไว้ในมาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ในการปกป้องกระบี่จากถ่านหิน ในเดือนธันวาคม 2556 ที่ผ่านมา กฟผ.ได้ว่าจ้างบริษัททีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ให้ศึกษา และจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้ว
ขณะเดียวกัน บริษัททีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ยังได้ศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ (EHIA) โดยจัดให้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และผู้มีส่วนได้เสียในการกำหนดขอบเขต และแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และสุขภาพ (Public Scoping) (ค.1) ในเดือนมีนาคม 2557 ที่ผ่านมา
ในการยื่นฟ้องคดีปกครองครั้งนี้ นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนระบุว่า “โครงการท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้วนั้น ได้ระบุเส้นทางเดินเรือขนส่งถ่านหิน และเรือบรรทุกถ่านหินขนาด 3,000 เดทเวทตัน ในการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการกำหนดขอบเขต และแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ค.1 แต่ต่อมาได้เปลี่ยนแปลงขนาดเรือบรรทุกถ่านหินเป็นขนาด 10,000 เดทเวทตัน และบรรจุในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ที่ได้นำออกเผยแพร่เพื่อดำเนินการจัดเวทีการประชุมครั้งที่ 3 (ค.3) ในช่วงปลายเดือนกันยายน 2557 นี้ โดยมิได้มีการจัดประชุม ค.1 ใหม่เพื่อแจ้งอย่างเป็นทางการให้แก่ชุมชนรับทราบการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจึงเป็นการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญอันยิ่งยวด ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย
น.ส.จริยา เสนพงศ์ ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านพลังงาน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “การใช้สิทธิของประชาชนตามกฎหมายเพื่อเรียกร้องความชอบธรรม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ไร้ซึ่งธรรมาภิบาลในการดำเนินกระบวนการการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อโครงการท่าเทียบเรือถ่านหิน และโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กระบี่ มีการปกปิดข้อมูลความจริงตั้งแต่การจัดทำเวที ค.1 และต่อมากลับปรากฏเขียนในรายงาน ค.3 แตกต่างจากเดิมในสาระสำคัญที่มีใน ค.1 ทำให้ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบไม่สามารถเสนอขอบเขตการศึกษาผลกระทบได้ครอบคลุมทั้งหมด ตั้งแต่การจัดประชุม ค.1 การตั้งกรอบ และโจทย์การศึกษาผิดตั้งแต่ต้นย่อมทำให้คำตอบที่ได้ไม่อยู่บนฐานของความเป็นจริง การประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และสุขภาพที่ต่ำกว่าความเป็นจริง และขาดการมีส่วนร่วมจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฯ ตั้งแต่การจัดทำ ค.1 เป็นเจตนาของ กฟผ.ที่ละเมิดสิทธิของชาวบ้านอย่างร้ายแรง”
หมายเหตุประกอบข่าว
1.ประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ 29 ธ.ค.2552 เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบ และแนวทางในการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการ หรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ
http://www.onep.go.th/eia/images/12ehia/3ehia_law.pdf
2.กำหนดการ และเอกสารประกอบการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียในขั้นตอนการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (ค.3) โครงการท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้ว
http://www.egat.co.th/index.php?option=com_content&view=article&id=351&Itemid=218
3.รายงานสรุปผลการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย ในการกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (public Scoping) (ค.1) โครงการท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้ว
http://www.egat.co.th/images/information/articles/egat-hearing57-krabi-port-meeting-report.pdf